Anyone have a life to going on but that who like to wirte something on some space for remember evet happen in life,I am also, that i can sharing on my jounal.
วันเสาร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2553
วันนี้และความฝันที่รอคอย
ได้กล่าวกันว่า การเกิดมาเป็นมนุษย์นั้นสุดประเสร็ฐ เป็นบุญแล้วที่ได้เกิดมาดังนี้โดยครบ 32 ประการ ไม่พิกลพิการใดๆ แต่คนเรานั้น เขากล่าวกันว่าจะอยู่ดี มีสุข อย่างไรก็ขึ้นอยู่กับบุญทำกรรมแต่งกันมาแต่ชาติปางก่อน คนเรามักเชื่อเรื่องของชาติภพ สิ่งที่ต้องเผชิญอยู่นั่นก็คือกรรมหรือบุญที่สร้างมานั่นเอง ความหมายของฉันในบันทึกหน้านี้ มิได้จะกล่าวอะไรมาก หากเป็นการพึงระลึกถึงสิ่งที่ตัเองเผชิญอยู่ ตั้งแต่ชีวิตในวัยเด็ก จนถึงปัจจุบัน ที่ตอนนี้ได้ทำงานแล้ว ที่ทำงานนี้ทำได้เกือบปีแล้ว ตั้งแต่เรียนหนังสือจบมา ชีวิตที่ผ่านความลำบากมาบ้าง ได้รู้ถึงการที่จะต้องช่วยเหลือตัวเองว่าจะต้องทำอย่างไรกับชีวิตของตัวเองนี้ดี ยามวัยเด็กฉันไม่ได้เกิดมามีทุกอย่างเหมือนใครๆเขา อยากได้อะไรบางทีก็ไม่ได้จนต้องถึงกับอยากินขนมจนไปโขมยเงินแม่มาซ่อนไว้ใต้ตู้กัับข้าวในลังหนึ่งในเป็นจำนวนเงินเหรียญรวมธนบัตรก็ 200 บาท สมัยนั้นก็มีค่าพอดูที่จะสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้2 วัน แต่ฉันเอาไปแอบซุกไว้เพื่อจะได้นำไปซื้อขนมมารับประทาน ซึ่งแม่มักจะให้เงินแต่กับน้องสาว เพราะเห็นว่าเราโตกว่าจึงไม่ได้กินขนมตอนเด็ก นึกดูก็มีความน้อยใจที่เห็นเขาได้แต่เราไม่ได้ตามประสาของเด็ก น้องก็มารับประทานอวดต่อหน้าและไม่แบ่งให้รับประทาน ในวัยนั้นฉันเป็นเด็กซื่อๆ มีความฝัน แม่มักจะใช้ให้ฉันทำงานบ้านช่วยและปล่อยน้องไปเล่นกับเพื่อน ฉันมีภาระในการทำงานบ้านตั้งแต่เด็ก6-7 ขวบ แม่ของฉันยามโมโหจะตีแรงมากและด่าแรงจนคนข้างบ้านได้ยินทั้งแถบ เพราะอาศัยอยู่ห้องแถว ย่านนั้นเป็นโรงงาน ชีวิตของฉันไม่ได้สวยหรู ฉันชอบที่จะออกไปดูโลกภายนอกแต่ก็ไม่ได้ไปนอกจากอุดอู้แต่ที่บ้านเพราะต้องทำตามคำสั่งของแม่ มีแต่น้องที่ไปเล่นเที่ยวได้ตามสะบายใจเพราะไม่มีภาระใดๆ ที่จะต้องกระทำ ยิ่งตอนที่นั่งพับถุงพลาสติกแบะแพ็กกิ้งยิ่งทรมาน ชีวิตไปไหนไม่ได้ ต้องทำงานช่วยแม่ ทั้งด่าและบังคับ ฉันไม่ค่อยชอบไกล้แม่เพราะแม่ชอบใช้งาน การเรียนของฉันอยู่ขั้นปานกลาง สมองของฉันไม่ใช้คนหัวเร็วหรือฉลาด ตรงกันข้ามหัวช้ามาก แต่มีความเพียรและขยัน มีฝันและมานะ ความทะเยอทะยานที่จะทำให้ชีวิตดีขึ้น หลุดพ้นจากช่วงชีวิตนี้ไปได้นั่นเอง สมัยมัธยมต้นจนถึงปลายเป็นช่วงชีวิตที่พยายามศึกษาหาแนวทางชีวิตของตัวเองว่าจะไปในทิศทางไหนค่ะ ฉันมีความหวังไว้เบื้องต้นว่าจะทำงานดี มีเงินทอง ตอนนั้นอยากเป็นครูเพราะเห็นใครๆก็ยกย่องครู ยกมือไหว้กัน ฉันเลยอยากเป็นบ้าง แต่กาลเวลาผ่านไปทุกอย่างที่ฝันก็เปลี่ยน วันเวลาและประสบการณ์ของชีวิต เด็กที่มีความใฝ่ฝันอย่างตัวฉันเองก็อยากที่จะมีโลกที่ออกจากสถานะของการกดดัน บังคับที่อยู่ ฉันกลายเป็นคนที่อยู่ปับครอบครัวไม่ได้ เป็นเหมือนนกที่บินออกจากรัง รังที่ไม่มีความสุขใจ ความคิดเห็นของฉันและพ่อแม่ขัดแย้งกันมาก ฉันไปอีกทาง ส่วนของพ่อแม่อีกทาง ไม่สามารถประสานกัน สิ่งที่ฉ้นได้รับรู้จากที่เรียนมากับสิ่งที่พ่อแม่เป็นมันคนละแนว ไปด้วยกันไม่ได้ ทำอย่างไรก็ไม่เข้ากันสักที หลายครั้งที่ออกไปจากบ้าน ไปหาที่พักพิงให้กับชีวิตตัวเอง กู้เพื่อการศึกษาโดยเอาคนอื่นค้ำประกัน รำ่เรียนจนจบมหาวิทยาลัยด้วยความพยายามและความสามารถแม้ว่าอุปสรรคในชีวิตมีมากมายเหลือเกิน เจอเรื่องที่กระทบจนจะไม่ประสบความสำเร็จก็บ่อยครั้ง จนต้องบอกตัวเองให้อดทน จนถึงวันนี้ มาวันนี้การศึกษาเสริมสร้างให้มีวุฒิการศึกษาแม้ว่าไม่ได้มาจากใคร แต่ความรักดีของเราก็สร้างตัวเราเอง ทำให้ฉันคิดถึงแนวทางชีวิตอันแท้จริงที่ไม่แน่นอน อย่าคาดหวังอะไรมาก ชีวิตไม่มีความเป็นจริง กาลเวลาสามารถเปลี่ยนทั้งคนและจิตใจได้เสมอ คนมีจิตใจที่ไม่คงที่ และแน่นอน อาจจะผันไปตามสิ่งแวดล้อมได้ง่ายมาก ฉันไม่ปฏิเสธเพราะฉันก็เป็นเช่นกัน ฉันได้งานทำแต่ก็ไม่ได้แน่นอนอะไรเพราะชีวิตของฉันยังอยากโลดโผน ฉันไม่รู้ว่าชีวิตฉันจะไปทางไหน จุดจบคืออะไรเพราะไม่สามารถทราบอนาคตได้ วันนี้ต้องยอมรับว่า ณ จุดนี้ทำวินาทีนี้ไป ไม่สร้างกรรมต่อ ไม่ก่อโทษให้ใครเดือดร้อนเป็นพอ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น