วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2554

กาลเวลาผ่านไป....ความเจ็บช้ำยังคงเท่าเดิม

เหมือนโชคชะตาฟ้าแกล้งที่ทำให้ชีวิตของเราต้องมาอยู่ตรงนี้ ทำดีเท่าไรก็ไม่เคยมีใครเห็นความดี คนใกล้ตัวไม่ต้องการ แต่คนไกลตัวพร่ำเพรียกหา วันเวลาผ่านไป ไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้นเลย ยิ่งเหนื่อยหนักขึ้นทุกวัน วันนี้รู้แค่ว่ามีลมหายใจก็ผ่านไปได้แล้ว ชีวิตมีค่าแค่เพียงลมหายใจ ที่จะต้องสู้เจียนตาย อยู่เพียงคนเดียว


นานแล้วนะที่ความโดดเดี่ยวเกาะกุมกินหัวใจ ชีวิตของเราจะเอาอะไรดี เดินไปไหนดีหนอ แล้วเราจะรออะไร ถ้าทำ จะทำเพื่อใคร เกิดมาชีวิตเดียวก็ตายคนเดียว เมื่อบางครั้งครอบครัวไม่ต้องการเรา มาตั้งแต่เด็กแล้ว เวรกรรมอะไรหนอที่ทำให้เราแตกต่างจากพ่อแม่ ความคิดหรือการกระทำ ความห่างกัน การศึกษาหรือว่าเราไม่ดีกันนะ


ยามที่เราอยากเรียนก็ไม่ได้เรียนในฝัน หากจะฝันก็ไม่ได้ กลายเป็นคนเพ่้อเจ้อไปซะงั้น กลายเป็นว่าชีวิตไปดั้นด้นอยู่ข้างนอกบ้านซะนาน เหนื่อย โดเดี่ยว อ้างว้าง ความรักอยู่ไหนหนอ ขอได้ไหม ใครกันที่จะมีให้เราคอยซับน้ำตา เพียงแค่เวลาสั้นๆ ก็ยังดี

วันนี้เป็นอย่างไรก็ยังเหมือนเดิม วัะนเวลาผ่านไป หายไปจากบ้าน ไม่เคยถาม ไม่เคยห่วงใย ไม่เคยจดจำ เราอาจจะเป็นเศษธุลีในสายตาของเขา ดังนั้นให้เราเกิดมาทำไม เกิดมาสู้ด้วยตนเอง มันเหนื่อยเหลือเกิน ชีวิตที่เรายังคงต้องเดินไปคนเดียว บางครั้งก็ท้อ ไม่รู้จะทำอะไรต่อไป จะเอายังไง จะทำอะไรดีเล่า เพราะเราไม่ได้มีวาสนาที่งดงาม เกิดมาก็ไม่ได้สบายแล้ว

จำได้ว่า บ้านหลังเล็กๆ ที่อยู่กับยาย 2 คน แม้ยามหนาวก็มียายข้างๆ ยามหิวก็มียายป้อนข้าวยายเองก็ตีบ้าง ตอนนั้นจำได้ว่ามียายนอนข้างๆ ทุกวัน ยายไปไหนก็ตามยายไปทุกที่ ยายเป็นเหมือนดวงใจ แต่ไม่ได้ให้ยายเลยสักอย่าง ยามยายมาหา ยายก็เอาตังให้ แม้จะเล็กน้อย ยายก็ให้ มันเป็นความรู้สึกที่ดี อบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกที่ยายยังห่วงใย หลายปีมานี้ตั้งแต่ 5 ขวบ ชีวิตจากอกยาย มาอยู่กับครอบครัวแท้ที่ไม่แท้ ความรักถูกหั่นออกไป ความผูกพันธ์กับยายหายไป คิดถึงวันที่เราจะกลับไปหายาย แต่ก็ไม่ได้ทำดังที่ฝันสักครั้ง
จะต้องมีเหตุที่ทำให้ไม่ได้ไปหายายสักที คิดถึงจัง คิดถึงอ้อมกอดของยาย อย่างน้อย ยายก็ไม่ได้ดูถูก ไม่ได้ด่ารุนแรง ทำอย่างไรที่จะได้ไปอยู่กับยายอีกที เหนื่อยเหลือเกิน

หากเมื่อ 5 ขวบได้อยู่กับยาย ชีวิตคงไม่ต้องโดเดี่ยว ไม่ต้องขวนขวายหาอะไรในชีวิตที่มากขนาดนี้ไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องต่อสู้กับการแข่งขันบนโลกนี้นัก บางที่เราก็เริ่มหมดแรงจะดิ้นรนแล้ว เพราะขาดกำลังใจ ขาดแรงบันดานใจ ที่จะเดินต่อไป

วันนี้บอกตัวเอง ว่าต้องสู้ต่อไป แม้จะเหนื่อยแค่ไหนก็ตาม อยากมีรอยกอดที่อบอุ่บ ความห่วงใย จากใครสักคนที่เขารักเราอย่างจริงใจ โลกนี้จะมีไหมนะ หากควาเจ็บช้ำมาตลอดชีวิตนี้จะหายไปจากใจก็ต่อเมื่อมีใครสักคนสอนให้เรารัก แบบอบอุ่นที่เราไม่เคยรู้จักมันเลย เราทำอะไรให้ใครไว้นะ ชาติภพนี้ถึงเป็นแบบนี้ รู้สึกว้าเหว่เหลือเกินที่เราต้องขาดคนเข้าใจ อยู่โดยทีี่เราถูกสบประมาท โดนดูถูกมาตลอด เคยเป็นไงก็เป็นอย่างนั้น ไม่เปลี่ยนแปลง ทุกวันนี้มีอะไรทีี่ดีกว่านี้บ้างนะ






วันเสาร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2554

เรื่องเล่าประสบการณ์ลี้ลับ เรื่องผี ผี และไสยศาสตร์มนต์ดำ ภาค 3

เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจ เป็นเรื่องของคนชอบของเก่า ชอบสะสม ของที่คนอื่นเขาไม่ปรารถนากัน เป็นสิ่งที่เด็กผู้หญิงทั่วไปไม่ได้สนใจ แต่ความทะเล้นหรืออะไรบอกไม่ถูกที่ทำให้ฉันอยากได้มันมาครอบครอง แต่พอได้มา สิ่งนั้นไม่ได้เหมาะสมกับฉันเลยที่จะถือครองไว้กับตัวเอง นั่นจึงเป็นที่มาของประสบการณ์จากเรื่องนี้ที่หลายคนอย่าได้นำมาเป็นตัวอย่างเพราะอาจจะทำให้หายไปจากโลกนี้ได้เร็วขึ้นเมื่อคุณพาชีวิตตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งที่มองไม่เห็นค่ะ สิ่งโบราณอันลี้ลับ ไม่ว่าจะเป็นของมีคมใดๆก็แล้วแต่ นั่นเป็นที่มาของตำนานและอาคม รวมถึงอาถรรพ์ที่จะเกิดขึ้นได้โดยที่เราไม่สามารถมองเห็น หรือสัมผัสได้ในสิ่งนั้นเอง เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดกับฉันเอง ที่วันหนึ่งเดินไปเห็น กริช ซึ่งจัดเป็นมีดชนิดหนึ่งเช่นกัน เป็นของมงคล ของมีคม แต่ด้วยที่ฉันเป็นคนชอบของเก่า ชอบมีด ชอบอะไรที่แปลกๆ หรือพวกของขลัง ไปเจอกริช เล่มนั้น เป็นสแตนเสส ลักษณะของกริชก็ทื่อๆ เหมือนไม่ได้ใช้มานาน

วันศุกร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2554

ทำงานใหม่ ใจต้องสู้

หลายๆ คนที่เรียนจบแล้ว คงจะหางานกันสินะ บางคนก็หางานทำได้แล้ว บางคนก็ยังอยู่บ้านรองาน บางคนก็อาจจะมีธุรกิจส่วนตัวที่ทำเอง แต่เราก็จะภูมิใจถ้างานนั้นเป็นงานที่ถูกใจแล้วเราก็ชอบ
แต่บางคนสิคะ ที่เขาไม่มีทางเลือก งานอะไรก็ทำไปก่อน คิดเพียงเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด ความฝันนั้นก็ไม่อาจจะเป็นจริงได้เสมอไป หรือบางคนไม่คิด ไม่ฝัน มันก็เป็นอะไรที่ประสบความสำเร็จเหนือคาดหมาย
อันนี้ก็แล้วแต่วาสนาของแต่ละคนที่โอกาส ไม่เท่ากัน

อย่างที่บอกว่า ในช่วงแรกของการทำงาน มันก็อาจจะเจอสิ่งใหม่ สังคมใหม่ สิ่งแปลกใหม่ที่เป็นโจทย์ให้เราต้องปรับตัว การเรียนรู้แน่นอนว่าหากใครหัวดีก็เรียนได้เร็ว โชคดีไป ใครไม่ค่อยรู้เรื่องก็ค่อยๆเรียนไป อาจจะช้าบ้าง
ลำบากบ้างก็ต้องอดทน อาจจะต้องเจอรุ่นพี่รับน้อง อาจจะโหดบ้าง หรือดีก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับสังคมตามธรรมเนียม คนมาก่อนมาหลัง
รายละเอียดงานที่อาจจะยาก ต้องใช้เวลาเรียนรู้ นั่นก็คือว่าโจทย์แรกนะคะ แต่ที่ต้องทนก็งานที่ต้องพบปะลูกค้า นั่นหมายถึงบุคคลคนสำคัญงานบริการในยุคปัจจุบัน งานบริการคู่กับลูกค้า ที่ธุรกิจไหนก็ต้องทำ
ยกตัวอย่างของ case งานขายของ sale personal การเริ่มต้นทำงานนี้เป็นงานหนัก เปรียบไปก็เหมือนกับการทำนา เป็นการหว่านต้นกล้า โดยที่บางคนอาจจะไม่มีประสบการณ์ ไม่มีฐานลูกค้า และจำเป็นที่ต้องหา ไม่รู้อะไรเลย ก็ย่อมต้องหนักหนาเป็นธรรมดา
ลำบากบ้าง รอคอยผลที่เราทำไปบ้าง แต่เมื่อวันหนึ่งที่ผลของการทำนาสำเร็จเป็นข้าวกล้าที่เราปักไปนั้น แล้วการใส่ปุ๋ยก็เหมือนกับการเอาใจใส่ลูกค้า การดูแลลูกค้า มักจะเห็นผลไวขึ้น
เมื่อข้าวกล้าเริ่มโตและสามารถเก็บเกี่ยวได้ ดังนั้นข้าวสุกออกรวงเต็มนาฉันใดก็ฉันนั้น นั่นเป็นผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้แล้วก็คือ การที่ลูกค้าซื้อสินค้าของเรานั่นเอง ยิ่งสินค้าแพงก็ต้องใส่ใจให้มากขึ้นนั่นเองค่ะ

วันพุธที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2554

เรื่องเล่าประสบการณ์ลี้ลับ เรื่องผี ผี และไสยศาสตร์มนต์ดำ ภาค2

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ได้ยินแต่เสียง เป็นเสียงของผู้หญิงในยามค่ำคืน เลียงที่ไม่มีเหตุผล ทรมาน ไม่มีที่มาค่ะ ตามธรรมชาติของมนุษย์ ย่อมมีเกิด แก่ เจ็บและตาย ไม่มีใครสามารถอยู่ได้เป็นอมตะ แต่อยู่ที่ช่วงชีวิตนั้น ทำอะไร ดีหรือชั่ว หากว่าต้องการให้ชีวิตมีความพอดีก็อย่าดิ้นรนมากจนเกินไป อาจจะเป็นปัจจัยให้เกิดการทำสิ่งผิดขึ้นมาได้ เรื่องราวของเสียงนี้ไม่มีที่มา เพราะฉันสัมผัสได้แค่เสียง อาจจะเป็นคนหรือสิ่งที่เรามองไม่เห็นก็ไม่อาจจะทราบได้ เพราะว่าเป็นเวลายามวิกาล ค่ำคืน ดึกสงัด ทุกบ้านเรือนหลับกันหมดแล้ว สมัยก่อน ครอบครัวของฉัน พ่อทำโรงงาน ยังมีชีวิตที่จนๆ อยู่ห้องแถวที่เช่าอยู่หน้าโรงงานที่พ่อทำอยู่ แค่เดินไปก็สามารถทำงานได้ เจอเลย แต่ที่ห้องแถวที่เช่าอยู่เป็นห้องชั้นเดียว ข้างหลังกว้าง มีหลายคูหา แต่พ่อได้หาไม้อัดมาปิดกั้นเป็นแถบบ้านของตัวเองแล้ว เพราะมีลูกสาว ตอนนั้นอายุได้ 12 ขวบละ เริ่มเป็นสาว ข้างบ้านมีลูกชาย ไม่ได้สนิทกัน ดังนั้นหลังบ้านเป็นป่าดิบ เป็นที่ว่างที่ไม่มีใครทำอะไร ไม่มีเข้าไปและไม่มีอะไรนอกจากต้นไม้ใหญ่ๆ และสัตว์เลื้อยคลาน ที่เป็นไปตามธรรมชาติ เมื่อพูดถึงป่า นั่นเมื่อดึกมา มืดสนิท คุณก็รู้ใช่หรือไม่ว่านึกถึงอะไร ความมืดกับความน่ากลัวเป็นของคู่กัน ฉันไม่ชอบออกไปเข้าห้องน้ำเพราะทางด้านหลังกำแพงที่กั้นไว้เป็นป่าที่น่ากลัว ป่าดิบที่เป็นมานานมาก ฉันอยู่มาเรื่อยๆประมาณ 4 ปีได้ พ่อกับแม่ก็ได้อาศัยทำงานไป มีเหตุการณ์วันหนึ่งเกิดขึ้นมา ที่ทำให้ฉันต้องตกใจเนื่องด้วยเสียงดังมากที่เกิดขึ้น ฉันปวดปัสสาวะเหลือเกิน จนทนไม่ได้ คืนนั้นเป็นคืนเดือนมืด ทุกอย่างเงียบ ประมาณตี 2 ได้ ลมมันช่างเย็นเยียบเสียเหลือเกิน ฉันรู้สึกไม่อยาก มองไปหลังป่านั่นเลย เพราะกลัวผี กลัวเห็นอะไร จึงรีบทำธุระให้เสร็จ แต่พลันก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้หญิง เป็นเสียงแหลมมาก ดัง หวี๊ดดดดดดดด เสียงนั้นติดหูปุบ ก็วิ่งเข้าบ้านทันที ไม่เหลียวหลังไปมอง เสียงนั้นแสดงถึงความเจ็บปวด ทรมานมาก เป็นเสียงที่เหมือนใครทำร้ายมา และคงไม่ใช่สิ่งบริสุทธิ์ ดังนั้นไม่อยากมองฝ่าความมืดเพื่อให้รู้ว่าอะไร วัน หลังจากคืนนั้นก็ไม่ได้ออกไปเข้าห้องน้ำกลางคืนอีกเลย ไม่นานก็ย้ายบ้านไปเพราะแม่อาจจะมีเงินเก็บไปเช่าบ้านใหม่อยู่แล้วก็ได้ ก็ไม่ได้มาอีกเลยค่ะ

วันอังคารที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2554

เรื่องเล่าประสบการณ์ลี้ลับ เรื่องผี ผี และไสยศาสตร์มนต์ดำ

คุณเคยมีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องสิ่งที่มองไม่เห็นบ้างหรือไม่คะ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่น่าค้นหาและน่าสนใจสำหรับบางคนใช่หรือไม่ หากจะเล่าไป เรื่องเหล่านี้คุณจะเชื่อไหม ว่าเป็นเรื่องจริง



ความจริงเรื่องไสยศาสตร์หรือสิ่งลี้ลับเป็นความเชื่อที่มีมาช้านานคู่กับคนไทย ตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษจนถึงปัจจุบัน สิ่งไหนลี้ลับ มักจะมีคนสนใจ หารบอกต่อเล่าขานที่ทั้งจริงและไม่จริงก็มีมาก หากจะกล่าวไปก็เหมือนต้องใช้วิจารณญาณเพื่อพิจารณาถึงว่าน่าจะเป็นก่อนแล้วค่อยเชื่อตามคำสอนของศาสนาพุทธ สิ่งที่ฉันพบเจอนี้ บอกก่อนว่าเป็นสิ่งที่พิสูจน์และหาคำตอบไม่ได้เลย ประสบการณ์ตั้งแต่เด็กจนโตเลยนะคะ เมื่อสมัยเด็กๆ ฉันยังจำความได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องประหลาดที่เกิดกับตัวเอง ถึงตอนอยู่โรงเรียนประถมศึกษา ที่โรงเรียนสมัย ป 2. วันหนึ่งฉันไม่สบายและที่โรงเรียนไม่มีห้องพยาบาล ดังนั้นฉันจึงเดินทางไปพักที่ห้องสมุดของโรงเรียน มีเตียงนอนเพื่อพักสำหรับคนไม่สบาย คุณครูให้ฉันไปพัก เมื่อเข้าไปพักที่ห้องสมุด สภาพของห้อง ไม่ต่างจากเรือนไม้เล็ก ๆ เพียงชั้นเดียว ภายในห้องมีหนังสือเก่าๆ มากมายนัก หนังสือที่มีค่า มีประโยชน์ควรแก่การน่าศึกษา ฉันไม่ได้สนใจหนังสือ เดินไปที่เตียงข้าหน้าต่างเพื่อนอนพักผ่อน เมื่อหย่อนกายลงเตียงได้สัก 2 นาที ปรากฏว่าได้ยินเสียงของคนเดินตึก ๆ ๆ ๆ เพราะพื้นเป็นไม้ เมื่อโผล่หน้าออกไปดู เดินดูจนทั่วแล้วก็ยังไม่เจอใคร ไปดูในซอกของหนังสือ มุมนั่นต้นเหตุของเสียงก็ไม่มีใคร จึงได้เดินกลับไปนอนที่เตียง สักพักเสียงก็ดังขึ้นมาอีก เดินไปเดินมา รอกวนจนทำให้ฉันนอนไม่ได้ ฉันเริ่มโมโห รำคาญและกลัวลึกๆ อยากรู้อยากเป็นว่าใครมาแกล้งให้ฉันนอนไม่ได้ จึงเดินกลับไปที่ซอกของเสียงเดินไปมาอีกครั้ง ก็ไม่พบใครเลย มองไปที่ห้องเรียนก็เรียนหนังสือกันหมด ฉันจึงได้ข่มใจลงไปนอนเป็นครั้งที่ 3 และเริ่มกลัวที่มาของเสียงว่าคืออะไร รู้สึกขนลุกอยู่ลึกๆ เพราะคุณครูเคยเล่าให้ฟังว่า คุณตา เจ้าของโรงเรียนนี้เป็นคนที่รักในการอ่านหนังสือมาก ชอบอ่านหนังสือ สมัยก่อนท่านจะมานั่งที่ห้องเรือนไม้นี้เป็นประจำ ท่านสะสมหนังสือเก่าๆ ไว้มากมายนัก จนฉันดูแล้ว ความเป็นเด็กอายุแค่8 ขวบ ไม่ได้ต้องการแตะต้องหนังสือของผู้ใหญ่สักนิดเลย แต่เมื่อเดินมานอนที่ในห้องนี้ คงไม่ใช่ที่นอน เป็นที่อ่านหนังสือ เป็นที่ๆ มีเจ้าของโดยเราไม่บอกเล่าและขออนุญาตก่อนเลย คิดจะมานอนก็มาเฉยๆ ซะงั้น เรื่องก็คือคุณครูสั่งให้มานอนเพราะไม่สบาย ดังนั้นจึงเข้ามานอนในห้องสมุดนี้ที่เขาจัดเป็นห้องพยาบาลด้วย หลังจากครั้งที่ 3 ฉันก็ทนไม่ไหว เดินิกไปจากห้องสมุดและไม่เหลียวหลังกลับมาอีกเลย เพราะความกลัว ฉันไม่ได้อุปทาน แต่เสียงเดินตึกตัก เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความไม่พอใจของเจ้าของที่ อาจจะเห็นเป็นนักเรียน ในขณะที่เพื่อนเรียนกันอยู่ ทำไมเรามานอนอยู่ได้ที่นี่ อาจจะขี้เกียจหรืออู้หรือไม่นะ จึงทำเสียงดังรบกวน ไม่อนุญาตให้เราได้นอนพัก หรืออาจจะเป็นที่เราไม่ได้ขออนุญาตพักที่นี่ก่อนหน้านี้ ด้วยความที่เป็นเด็กไร้เดียงสา ดังนั้น ว่าแล้วก็เดินออกไปที่ห้องเรียน ไปนอนฟุบกับโต๊ะ และไม่มาห้องนี้อีกเลย คุณครูถามว่าทำไมไม่ไปนอนพัก เมื่อเธอไม่สบาย เราตอบว่าอยากพักห้องนี้ค่ะ หายแล้ว ดังนั้นจึงได้นอนที่ห้องเรียนไป



ฉันไม่รู้หรอกนะว่า นั่นคืออะไร ไม่สามารถหาคำตอบได้ เป็นสิ่งที่มองไม่เห็น ไม่สามารถสืบทราบได้แน่ชัด ต่อมาไม่นาน ห้องสมุดก็เกิดไฟไหม้ หนังสือไหม้หมดเลย เหลือไม่กี่เล่ม ที่พอจะเก็บได้ ฉันไม่รู้ว่าทำไมไปไหม้ เพราะอะไร เกิดได้อย่างไร แต่ที่รู้ก็คือไม่มีห้องสมุดให้นักเรียนไปอ่านได้อีกเลย