วันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2554

Fon tok nai talay - Ratchanok Srilopan




คุณอยากรู้ความหมายของเพลงนี้ไหมคะ

คุณเคยเห็นยามที่ฝนตกลงในทะเลไหมคะ แล้วคุณเห็นความเปลี่ยนแปลงของทะเลบ้างไหมคะ เป็นน้ำที่กลืนกับทะเลไปเท่านั้นเอง และก็กลายเป็นน้ำเค็มไปใช่ไหมคะ นั่นก็เปรียบเสมือนคนที่ที่รักข้างเดียวนะคะ ที่แม้จะทำดีให้เขามารักแค่ไหน ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เพราะมันก็เท่าเดิม เป็นน้ำที่ตกลงไปเรื่อยๆ ไม่มีวันเต็ม ไม่มีวัยเปลี่ยนแปลง ไม่มีวันได้รักจากเขามาหรอกค่ะ เพราะเขาไม่รู้สึกอะไรกับเรา

เมื่อคุณทุ่มเทให้เขามากมาย ทำดีก็มาก แต่เขาไม่รู้สึกอะไร คุณเหนื่อยไหมคะ คุณเคยท้อบ้างไหม ที่คุณต้องทนกับคนที่คนรัก แต่เขาไม่รักคุณ คุณคงเจ็บปวด และเสียใจ และหลายครั้งคุณก็คงอยากจะหยุดรักเขาคนนั้นเพราะคุณไม่อยากทนในสภาพที่คนต้องเจ็บปวดกับความรักแบบไร้หัวใจ คนที่มีแต่ความเฉยชา บางที เขาอาจจะรักใครคนหนึ่งอยู่ก็ได้นะ บางทีคุณไม่สามารถไปบังคับใจเขามาเป็นของคุณ

หากคุณเหนื่อยกับการที่คุณรักคนที่เขาไม่มีวันเห็นความดีของคุณ ฉันแนะนำให้เลิกความรู้สึกนั้นเถอะ เพราะมันเจ็บปวด เสียใจ เหนื่อยนะ คุณเปิดใจมองโลกให้กว้างกว่านี้ คุณก็อาจจะเจอโลกใหม่ของคุณได้นะคะ

หากคุณกำลัง Search Google แล้วมาเจอบทความนี้ คุณคงพบคนที่ไม่ต่างจากคุณค่ะ เพราะหัวใจของคนเปราะบางกับสิ่งแวดล้อม ดูเหมือนว่าการที่เราได้มาเขียนอะไรเพื่อระบายความรู้สึกเป็นตัวเองให้คนที่เขาสนใจเรื่องแบบนี้ อาจจะรู้สึกและมีประสบการณ์คล้ายๆ บางทีการเตือนกันบ้าง ก็อาจจะทำให้คนที่อ่านคิดได้ เพราะเขากำลังรู้สึกเจ็บปวดและเสียใจ เขาที่อ่านอยู่นี้อาจจะไม่มีความสุข เพราะไม่สมหวังในความรัก และไม่กล้าที่จะเปิดใจรักใคร

ภวังค์ของความรักมีอานุภาพรุนแรงมาก ยอมทำทุกอย่างเพื่อคนที่เรารักให้รู้สึกดี เมื่อเขารู้สึกดีและมีความสุข เราผู้ที่รักเขา ก็มีความสุขไปด้วย บางคนถึงขนาดแม้ยอมพลีชีวิตให้ได้ ความรักไม่ใช่การทำร้าย แต่เป็นการให้ โดยให้กับคนที่คุณรักมีความสุข เมื่อคนที่คุณรัก เขาไม่สนใจ และไม่ต้องการ ก็ถอยออกมาห่างๆ มาดูเขามีความสุข โดยไม่ต้องอยู่ใกล้ นั่นอาจจะลดความเจ็บปวดของคุณได้บ้าง ไม่มากก็น้อย ถ้าคุณลืมความรักได้ ก็ลืมเถอะค่ะ จะได้ไม่เจ็บปวดและทรมาน อย่าดึงดันกับคนที่เขาไม่ได้รักเราเลย

"ใจของเขาอาจจะเหมือนทะเล หากเปรียบความรักเป็นเหมือนฝนตกลงทะเล ก็ไม่มีค่าอะไร เพราะทำดีแค่ไหน รักเท่าไร ก็ไม่ทำให้เขามารักเราได้เลย"



ก้อนหินสิ้นใจ-แคท รัตกาล



เพลงก้อนหินสิ้นใจ จากความหมายที่ได้อารมณ์ของคนที่แทบจะไม่เหลืออะไรแล้ว กับความรักที่ให้ไป แต่ไม่มีอะไรเหลือ เพราะคนที่เธอรัก ได้ทิ้งเธอไปอย่างสิ้นเยื่อใย หมดเยื่อใยของความรักที่มีให้กัน แต่เธอจึงไม่สามารถจะทนไหว เพราะเธอเปรียบตัวเธอเป็นหมือนก้อนหิน แม้จะต้องทำอย่างไร แค่ไหน ก็ไม่ได้เลย เพราะไม่สามารถเปลี่ยนคนที่ไม่รักกัน มารักได้ แม้จะอดและทนเท่าไร ก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจเขาได้ ก้อนหินจึงแตกสลาย ไป เพราะแม้เพียงเศษเสี้ยวของความรักที่ให้กันนั้รยังไม่มีเลย

ความรักของฉันก็ไม่แตกต่างอะไรจากเธอ ซึ่งแม้จะทำดีกับเขาคนนั้นแค่ไหน แต่เขาก็ไม่สามารถจะสละแม้เพียงความรู้สึก เศษเสี้ยวแห่งรักที่ฉันได้มอบให้ มาให้ตัวฉันเองได้เลย เพราะฉันไม่สามารถเปลี่ยนเขาคนนั้นให้มารักฉันได้ บางทีฉันอาจจะไม่ดีพอสำหรับเขา ดังความคิด เขาคงมีใครคนหนึ่งที่เขารอ ดังนั้น ฉันไม่อาจจะรอรับความรู้สึกของเขาได้ เพราะว่าหัวใจของฉันได้แตกสลายไปเหมือนกับก้อนหินก้อนหนึ่งที่รอเวลามานานด้วยความอดทน และเพียรพยายามที่ใฝ่ฝันว่าสักวันหนึ่ง คนที่เธอรักจะหันมารักเธอได้ แต่มันก็ไม่มีวัน หัวใจเธอจึงสลายไปพร้อมกับก้อนหินก้อนหนึ่งที่แตกไป และได้สิ้นใจไปแล้ว

ความรัก เมื่อพูดยาวๆ เล่าวันเดียวก็ไม่สามารถจบได้หรอกค่ะ ความรักของคนบนโลกนี้ มีทั้งสมหวังและอกหัก คนที่สมหวังก็นับว่าโชคดี แต่บางคนที่อกหัก ก็ต้องเป็นกรรม บางทีหากปลอบใจตัวเองไป คนอกหักอาจจะเพราะเขาได้ทำให้คนที่เขารักในชชาติที่แล้วเสียใจและเจ็บใจ อาจจะเจ้าชู้ มาาตินี้ถึงได้ต้องเสียใจเพราะรักที่ไม่สมหวัง รักใครก็ไม่รักตอบ ต้องเจ็บปวดที่รักเขาข้างเดียว เหมือนหินที่สิ้นใจก้อนนี้

อาจจะไม่ได้แม้แต่เพียงเศษเสี้ยวของคำว่ารัก ไม่ได้แม้แต่ความต้องการเป็นที่สองหรือรองลงมาจากใคร ก็คนไม่มีใจให้กัน ยังไงก็ไม่มี ฉันจะแนะนำคนที่เข้ามาอ่านในหน้านี้ว่า หากคุณกำลังฟังเำพลงนี้และรู้ว่าคนที่คนแอบรัก เขาไม่มีวันรักคุณ มันก็เป็นเหมือนก้อนหินที่แตกสลาย อย่าได้เอาความรู้สึกเจ็บปวดกลับมาอีกเลย แม้เราจะทำให้หัวใจของเราสิ้นรักไปแล้ว ก็อย่าได้กลับไปเจ็บอีก เรายังมีคุณค่า มองสิ่งดีๆ ที่ผ่านมาเข้ามาในชีวิตที่ดีกว่านี้ อย่าจมปลักกับรักที่เราไม่มีวันจา่กเขาคนนั้นเลย



วันพฤหัสบดีที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2554

รักคือโชคชะตาหรือชะตากรรม

หลายๆ คน คงเคยมีประสบการณ์ของความรักในช่วงชีวิตหนึ่งนะคะ บางคนสุขสมหวัง บางคนรักเขาข้างเดียว บางคนต้องพรากจากแม้รักกัน บางคนไม่มีโอกาสแม้จะรักเลย มวลมนุษย์บนโลกนี้ ล้วนมีเรื่องราวของความรักระหว่างหนุ่มสาวที่แตกต่างกันหรืออาจจะคล้ายๆ กัน แต่รู้ไหมคะว่า การที่เรารักนั้นต้องรักแบบถูกต้องด้วย

ทุกวันนี้สื่อต่างๆ ทางโทรทัศน์หรือหนังสือ แม้กระทั่งวิทยุ ล้วนมีโอกาสจุดฉนวนให้คนก่อเกิดความรู้สึกอยากมีใครสักคนและอยากแม้กระทั่งเป็นคนดีของใครบางคนที่เราแอบรัก แอบชอบ โดยเฉพาะวัยหนุ่มสาว ที่เป็นวัยเจริญพันธุ์ ซึ่งมีความวัยต่อการรับรู้และการกล้าแสดงออก บางคนอยู่ในช่วงวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ หน้าตาดีหน่อย ก็มีคนมาชอบ มีผู้ชายมาจีบ ก็หลงและเริ่มให้ความสนใจเรื่องเพศตรงข้ามและอยากรู้ อยากลอง จึงก่อเกิดการริรักในวัยเรียน วัยศึกษา อยากเลียนแบบผู้ใหญ่ และสนใจเรื่องเพศ หากร้ายหน่อยก็อาจจะพลาดท่าเสียที และตั้งครรภ์ก่อนได้ เพราะเพียงสนุก หรือหลงไปชั่วขณะ กับความรู้สึกระหว่างชอบหรือรัก ทำให้อนาคตต้องหมดไปเพราะว่าท้อง หรือมีอดีตที่เจ็บปวด มีประสบการณ์ที่ไม่อยากจดจำ เสียเวลาที่จะไปกอบโกยเอาความรู้ในช่วงเวลามีค่าตอนนั้น ในฐานะผู้เขียนผ่านชีวิตแบบนี้มาก่อน แต่ไม่เคยมีความรักหรือมีแฟนในวัยเรียนเลย อาจจะเป็นเพราะโชคชะตา ซึ่งตั้งแต่เรียนมาก็ได้แต่เห็นคนที่เขามีความรักในวัยเรียน แต่ที่ฉันไม่มีเพราะว่าชีวิตของฉัน ตอนนั้นอยู่แต่โรงเรียนสตรีล้วนที่มีแต่ผู้หญิง จนจบมัธยมปลาย แม้บางครั้งยอมรับว่าอยากมีแบบเพื่อนๆ บ้าง แต่เราไม่ได้ไปไหน ไม่เจออะไรเลย จึงได้เรียนอย่างเดียว ทำให้ได้แต่เห็นคนอื่นที่เขามีแฟน แต่ก็ไม่เห็นใครจะมีแฟนที่คบอยู่ตอนเรียน รอดคบกันมาจนปัจจุบัน อาจจะมีแต่คงน้อยเพราะว่า ในโลกนี้มีปัจจัยมากมาย ที่ทำให้มนุษย์เราต้องจบ ในสิ่งที่บางครั้งก็หาคำตอบไม่ได้ อาจจะเพราะคนเราต่างกัน หากไม่เข้าใจกัน ก็อยู่กันไม่ได้นาน ดังนั้นต้องยอมกันบ้างหรืออาศัยรักจริง ความเหมาะสม วัยที่สมควรจะมีรักได้ เมื่อความพร้อมหลายๆ ทาง เราก็จึงสามารถจะรักได้อย่างมีความสุข ควรแก่เวลา

ความรักเมื่อถึงเวลาก็อาจจะมีปัจจัยให้เราอาจจะเสียใจได้เมื่อรักนั้น บางครั้งเราไม่ได้รักตอบกลับจากคนที่รัก หรือความรู้สึกรักเขาข้างเดียว ดังนั้นคุณควรจะคิดในแง่ดี เพราะคุณรัก คุณมอบความรู้สึกดีให้เขาผู้นั้น แต่บางครั้งเขาก็ทราบ แต่ใจของเขาไม่สามารถรักคุณได้ เพราะมันไม่ใช่ คุณอาจจะเสียใจ แต่ก็ยังดีกว่าคุณดื้อดึงเอาหัวใจเขา ทั้งที่รู้ว่าเขาไม่ได้รักเรา แล้วคุณจะทำไปเพื่ออะไร เพื่อเพียงได้ตัวเขา แต่เขาไม่ได้รักคุณ ปล่อยเขาไปเถอะค่ะ ไปกับคนที่เขารัก เพราะบางทีการที่คุณทำใจได้หรือไม่นั้นจะดีกว่าการที่คุณบังคับใจคนใดคนหนึ่ง คนบางคน เขาไม่ชอบให้ใครมาบังคับเรื่องจิตใจ คนจำพวกนี้คุณก็อย่าไปฝืนเลยค่ะ เพราะว่าคนที่จะเจ็บไปทั้งชีวิต คือคุณ เขาพวกนี้จะมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงมากและไม่ยอมทำอะไรที่ใครมาบังคับเด็ดขาด บางทีจากไม่รักจะกลายเป็นไม่ชอบและเกลียดในที่สุด

ความผูกพัน เป็นอีกแง่ที่อาจจะทำให้เพื่อนกัน บางครั้งเผลอใจแอบชอบกัน ครั้นเมื่อเพื่อนกันแอบชอบทั้งคู่ น่าจะเป็นเรื่องยินดีที่ทั้งคู่ได้รู้จักกันเบื้องต้นแล้ว แต่หากไม่เป็นดังนั้น เพื่อนแอบรักเพื่อนข้างเดียว เมื่อเพื่อนไปมีคนที่รัก โดยที่เราแอบรักเขาอยู่ นี่จะเป็นรักที่ทรมานใจไม่น้อยสำหรับคนที่มีจิตใจมุ่งมั่นแล้ว มันจะเป็นแผลลึกมาก ที่แม้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน รักนี้ก็ไม่อาจจะลบไปได้หมด สำหรับคนที่มีแผลแบบนี้ คุณควรปล่อยให้เพื่อนของคุณไปหาคนที่เขารักเถอะค่ะ อย่าเสียใจเลย เพราะเขาไม่รักคุณ ท่องไว้นะคะ เขาจะไม่ใช่คนที่จะดูแลคุณได้ตลอดชีวิต แต่คุณจะรักเขาหมดใจมากขึ้นทุกวัน และชีวิตคุณจะทรมานกว่าเดิมถ้าคุณเห็นเขารักใครคนหนึ่ง ในวันหนึ่ง แม้จะดีแค่ไหน ก็ไม่อาจจะทำให้เขามารักคุณในแบบคุณรักเขาแน่นอน และยิ่งคนเห็นแก่ตัว หากคุณทำใจไม่ได้นะคะ เขาจะยิ่งทำให้คุณเจ็บ ฉันมองว่ารักเป็นสิ่งสวยงามนะคะ แม้คุณจะเจ็บ แต่เมื่อคุณมีความสุขที่ได้รัก แต่ไม่ต้องเปิดเผยมากมายหรอกค่ะ หากคุณรู้ว่าเขา เพื่อนของคุณที่คุณแอบชอบไม่ได้รักคุณ ไม่ต้องทำให้เขารู้ แต่แอบรักอยู่ใกล้ๆ ก็พอแล้ว เท่านี้ฉันว่านะ คุณอาจจะมีความสุขก็ได้นะ ลองดูไหมคะ แต่วันหนึ่งเขามีคนรัก คุณก็ควรเดินออกไปจากชีวิตส่วนตัวของเขา ให้เขาได้อยู่กับคนที่เขารักค่ะ ฉันก็เคยรักเพื่อนของฉันในตอนนี้แบบที่ไม่เข้าใจตัวเอง บางครั้งว่าเรารักเขาแบบไหน ด้วยประสบการณ์ที่ไม่มี แต่ว่าฉันรู้สึกดี ที่ได้เห็นเขามีความสุข ได้เห็นหน้าเขา ได้คุยกัน แม้จะทะเลาะกันหนักเบา ก็กลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม มันออกจะติสแตกไปหน่อยเรื่องอารมณ์ แต่มันก็เป็นคนดี ไม่เอาเปรียบใคร และมีน้ำใจ เราไปไหนก็ไปด้วยกันและสนิทกันมากๆ ความรู้สึกที่อ่านตัวเองไม่ออก แต่ยังไงก็รู้ว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ อาจจะเป็น Case ของรักข้างเดียวรึปล่าว ไม่แน่ใจนะ หากถ้าเรารักเพื่อนเราจริง แล้วเพื่อนไม่รักเราแบบแฟนหล่ะ เราจะสียใจไหม อันนี้ไม่รู้สิ และจะไม่มีวันให้มันรู้ และไม่มีวันบอกมันหรอก เพราะเราอยากให้เป็นเพื่อนกันที่อยู่ด้วยกันตลอดไป วันหนึ่งมันมีแฟน เราก็เดินไปแบบเหมาะสม ตามประสาเพื่อนกัน อย่างนี้เขาก็คงมีความสุขดีเนอะ

ความรักเป็นสิ่งที่ให้โดยไม่ต้องการผลตอบแทน ไม่ใช่การทำลาย แม้บางคนอาจจะไปรักแฟน หรือสามีชาวบ้าน ก็หากว่ารู้ว่าเรามาทีหลัง เราควรก้าวออกมาจากชีวิตเขา เพราะเขามีคนอื่น มีภาระที่ต้องทำ แม้เขาจะดูเหมือนรักเรา และเรารักเขา แต่เมื่อเรามาทีหลัง อย่าไปทำลายรักที่เขามีอยู่แล้วนะคะ ยิ่งเขามีครอบครัวแล้วก็ควรยิ่งออกมา เพราะเขาไม่ใช่แค่แฟนกัน แม้ว่าจะรักแค่ไหน แต่มันไม่ถูกต้องและไม่เหมาะสมทั้งทางกายกรรมและมโนกรรม รวมถึงกฎหมายบ้านเมือง แม้ว่าเขาจะหลอกเราหรือไม่ หากเรารู้แล้ว เราก็ไม่ควรถลำลึกยิ่งขึ้น สำหรับแฟนคนแรกหรือภรรยา เขาคงเสียใจมาก นึกถึงใจเราหากเราโดนแย่งของรักไปแล้วเราจะรู้สึกอย่างไร บางครั้งการมองหาใครใหม่สักคนที่ดีเข้ามาในชีวิต ก็ไม่ได้เสียหายอะไร หากคนที่เขามาหลอกคุณหรือ คนที่คุณอาจจะไม่ทราบว่าเขามีครอบครัวแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่เพราะนำมาซึ่งการพลัดจาก ไม่เพียงแค่สามี-ภรรยา บางคนมีลูกและลูกนี่แหละ ที่เป็นประเด็นให้คนหลายคนคิดได้ขึ้นมาว่า อย่าทำให้ชีวิตบริสุทธ์ต้องมีมลทินจากปัญหาครอบครัว หากเรายอมได้ ก็ออกมาจากความรักที่ไม่เหมาะสมแบบนี้ แม้จะเจ็บเจียนขาดใจ ก็ต้องอดทนเพราะศีลธรรมค้ำโลก

คุณเชื่อไหมคะ ความรักเป็นโชคชะตา บางครั้งเป็นชะตากรรม สองคำนี้ไม่เหมือนกันนะคะ หากเป็นโชคชะตา อาจจะแค่มาพบหรือไม่พบ แต่หากเป็นชะตากรรม คือเมื่อเราพบเจอแล้วและต้องยอมรับมัน สิ่งที่เราทำไป เราเลือกได้ค่ะ โชคชะตาของผู้เขียน ไม่มีความรักระหว่างหนุ่ม-สาวมากมายนัก เพราะไม่ได้มีโชคชะตาในชีวิตรัก แม้จะแอบชอบใครก็ไม่ค่อยสมหวัง ฉันอาจจะไม่สวย ไม่มีจุดเด่น อันนี้แล้วแต่บุญที่ทำมา หากสมหวังก็คงดี แต่บางทีเราก็ไม่อยากให้เป็นชะตากรรม ให้มันเป็นดวงที่ไม่มี ดีกว่าไปแย่งชิงใครเขานะ คุณควรคำนึงนะคะว่าความเหมาะสมคือะไร แต่ผู้เขียนก็เขาใจนะว่าจิดใจ บังคับไม่ได้ แต่เราควรบอกหัวใจให้คำนึงถึงความถูกต้องและเหมาะสม เพื่อไม่ให้ใครต้องเจ็บปวดกับความรักค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

โสดอีกไหม

ช่วงชีวิตของคนโสด สิ่งแรกที่รู้สึก คือการที่มีหัวใจอันเข้มแข็ง ที่จะต้องอดทนและผจญภัยชีวิตอยู่คนเดียว ในแต่ละวัน อาจจะเจออะไรมามากมาย ไม่ว่าจะดีหรือร้าย กี่เดือน กี่ปี ก็ยังต้องอยู่คนเดียว หากหัวใจอันโดดเดี่ยวดวงนี้มีไออุ่นและกำลังใจเข้ามาซับน้ำตาแห่ง ความท้อแท้ ความโดดดี่ยว ความเหงา และความเศร้า บางทีหัวใจที่กำลังอ่อนแอก็คงจะมีพลังขึ้นมาบ้าง

หลายๆ คนคงมีปัญหากันมาบ้างนะคะ ในเรื่องของความรัก บางครั้งคุณก็อยากจะมีใครสักคนเป็นเพื่อนใจคอยปลอบใจในยามที่คุณอ่อนแอ ยามมีปัญหา หรือยามที่คุณรู้สึกเศร้าใจ แต่คุณก็อาจจะยังมองใครคนนั้นไม่เจอ หรืออาจจะยังไม่ถูกใจ บางทีกาลเวลาที่คุณรอคอย อาจจะยังมาไม่ถึงก็ได้ คนๆ นั้นที่คุณรอ อาจจะยังไม่ถึงเวลาที่จะมาพบคุณ

คุณเคยรู้สึกเหงาไหมคะ เวลาที่คุณเห็นคนอื่นเขามีแฟน หากคุณไม่เคยมีแฟนเลย คุณอาจจะแว็บมาในสมองว่า ทำไมเราไม่มีบ้างนะ ใช่ไหมคะ บางคนอาจจะปฏิเสธในคำพูด แต่เรื่องของจิตใจ หัวใจของคนมันเป็นเรื่องของธรรมชาติที่เราอาจจะอยากรักใครสักคน แต่บางที คุณก็รู้สึกว่าคนที่คุณแอบชอบ เขาไม่ได้ชอบคุณ หรือคุณไม่กล้าบอก ไม่กล้าพูด เพราะคุณอาจจะกลัวความผิดหวัง หรือคุณอาจจะกลัวที่คนที่คุณแอบชอบ เขาจะไม่พูดกับคุณอีก หรือเหตุผลของความเป็นผู้หญิงที่คุณจะไม่บอกรักผู้ชายก่อน แต่ทั้งหมดนี้ มันเป็นไปตามโอกาส แต่ละคนก็เจอความรักที่แตกต่างกัน รักนั้นมีหลายรูปแบบ อยู่ที่คุณจะออกแบบอย่างไร บางทีหัวใจก็รอที่จะขอเป็นผู้รอต่อไปจากคนที่เรารัก

ที่พูดถึงนี้ ไม่ได้บอกให้คุณสละโสดหรืออย่างไรนะคะ แค่อยากจะบอกว่า หากคุณมีคนที่คุณรักอยู่แล้ว แล้วคุณจับสัญญาณได้ว่า เขาเองก็มีใจให้คุณ มันไม่สำคัญหรอกค่ะว่า ฝ่ายไหนจะเป็นฝ่ายบอกก่อน แต่หากคุณปล่อยให้เวลาผ่านไปเรื่อยๆ แล้วเมื่อไรคุณจะได้เริ่มต้นคำว่าแฟนกัน ดังนั้น หากคุณไม่คิดที่จะอยู่คนเดียว อย่ารออีกเลย เริ่มปล่อยให้หัวใจทำตามคำเรียกร้องเถอะค่ะ

วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ความรักเอย

ชีวิตของคนแต่ละคน เกิดมาล้วนแตกต่างกัน บ้างเกิดมามีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ มีเงิน มีทองใช้ไม่ขาดมือ บางคนเกิดมายากจนแสนเข็ญ ต้องลำบาก สารพัดเพื่อจะกระทำให้ตัวนั้นได้อยู่รอด นี่เป็นเพราะอะไรกันหนอ ถ้าไม่ใช่โชคชะตาของแต่ละคนนั้น ซึ่งแตกต่างมาตามผลของกรรม

รูปร่างหน้าตา ปัจจุบันนี้ถูกหลายๆ คนให้ความสำคัญกันนักหนา บางคนเกิดมาไม่สวย แต่ก็พยายามไปเสริมหน้าเสริมตาให้ดูดีกว่าเดิม มีเงินก็ทำได้ แต่ไม่มีก็พยายามหาทาง หาเงินมาทำสวยกันทั้งนั้น นั่นเป็นเพราะคนเราให้ความสำคัญกับสิ่งปรุงแต่งมากขึ้น เชื่อว่าความสวยจะทำให้เรามีฐานะทางสังคมที่ดีขึ้น ยิ่งฉันเดินทางไปสูงขึ้นก็ยิ่งเบื่อ สังคมปัจจุบันนี้ ทำให้ฉันไม่อยากแข่งขันกับใครเพราะคนมักจะทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองประสบความสำเร็จ ฉันจึงเบื่อๆ เลยเข้ามาเขียนบล็อก เพื่อระบายความเซ็ง !

ฉันอยากมีชีวิตเล็กๆ กับบ้านเล็กๆ ฉันไม่อยากสู้ ไม่อยากแก่งแย่งชิงดีกับใครในเมืองใหญ่เหมือนทุกวันนี้ ด้วยอายุที่ยังน้อยและเพิ่งเริ่มต้นทำงานนี้แหละ เพราะไม่ใช่ชีวิตที่ปรารถนา กับเมืองใหญ่ อยากกลับบ้านที่เชียงราย อยากไปใช้ชีวิตที่นั่นกับยายเหมือนตอนเด็กๆ ฉันไม่มีความหวังกับชีวิตคู่กับใครอีกต่อไปเหมือนที่ฝันไว้ตอนเด็กๆ เพราะความจริง ชีวิตคู่ไม่มีความอิสระที่สวยงาม หากเจอคนไม่ดีก็ไม่มีความสุข บางครั้งก็อยู่กันไปถ้าทะเลาะกันไปก็น่าเบื่อ คบกันไปแบบเพื่อนน่าจะดีกว่า เพราะเราเองก็ไม่ได้มีดีอะไร งานบ้านก็ไม่เก่ง เอาใจก็ไม่เป็น แถมไม่ชอบให้ใครมาว่าด้วยเพราะเราไม่ค่อยฟังใครพูดเท่าไรนัก คงไม่มีใครที่เขาจะมาเข้าใจเราทั้งชีวิต

เขาว่ากันว่า ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์ ชีวิตคู่ ไม่ใช่ตัวคนเดียว แต่มีอีกชีวิตที่เขาจะต้องเขามาร่วมด้วย การตัดสินใจ ก็ไม่ใช่คนเดียวแน่นอน เพราะต้องเดินไปด้วยกัน เป็นแขนเป็นขา ก้าวไป เป็นการผูกมัด อาจจะไม่อิสระดังที่เคยเป็นเพราะเราต้องเข้าใจและเอาใจใส่คนอื่นอีกด้วย ยิ่งต่อไปมีลูก ก็จะผูกกันมากขึ้น แล้วจะแน่ใจได้อย่างไรว่าคนที่เราเลือกจะสามารถดำเนินก้าวชีวิตไปกับเราได้ ชีวิตคู่ไม่ใช่แค่เซ็ก แต่เป็นทุกอย่างของกันและกัน คนหากถ้ายิ่งเรียนสูงขึ้น การตัดสินใจก็จะยากมากขึ้น การที่เราจะมีชีวิตคู่ เราต้องคิดดีๆ

หลายคู่ เจอกันเพียงฉาบฉวย เขาก็มาใช้ชีวิตด้วยกันแล้ว นั่นก็คือ เขาอาจจะพร้อมที่จะมีคู่ ข้อดีมันก็มีนะ คือทำให้เราไม่เหงา ไม่เปล่าเปลี่ยว บางคนมีความต้องการเซ็กมาก ก็ไม่สามารถอยู่คนเดียวได้ ต้องมีคู่ บางคนอยากมีคนข้างกายเพราะขี้เหงา บางคนอยากมีเพื่อนใจ ผ่านอะไรในชีวิตมามากมายแล้ว อยากหาความสุขใส่ตัว อยากมีใครสักคนมาปลอบใจ มาอยู่ข้างใจ อาจจะไม่ได้หมายถึงเซ็กซะทีเดียว มีหลายปัจจัย ของชีวิตคู่ แต่ที่น่ากลัวก็คือการตัดสินใจไปแล้วกับชีวิตคู่ วันหนึ่งคู่ของตัวเองเบื่อ หรือเจอคนที่ดีกว่าโดยที่เรายังไม่สามารถรับได้ หรือยังไม่คาดคิดว่าจะผิดหวัง ยิ่งรักมาก ก็เสียใจมาก นี่แหละที่เรากลัว หลายคนอาจจะไม่ได้เจ้าชู้ แต่ถูกมองว่าเจ้าชู้เพราะเจอสิ่งที่คิดว่าดีกว่าปัจจุบัน บางคนก็เห็นแก่ตัว เอาทั้งสองทาง ปล่อยให้ผู้หญิงทั้งฝ่ายไม่สามารถรู้ได้ว่าเราใช้สามีคนเดียวกัน บางคนก็ไปหลอกคนอื่นเพียงเพื่อความสาแก่ใจ เพื่อเอาชนะ ว่าตัวเองแน่มาก บางคนไม่ได้รัก แต่เพราะอยากจะมี ไม่รู้ใจตัวเอง บางคนคาดหวังว่าจะรักกันตลอดไปนะแต่มันก็ไม่เป็นดังนั้น อีกประเด็นกับความรู้สึกที่รักข้างเดียว อันนี้ฉันไม่อยากเป็น การที่ได้เป็นฝ่ายรักข้างเดียวนั้นทำให้เจ็บปวดกับสิ่งที่คิดเพ้อฝันไปเอาเพียงข้างเดียว แต่บางคนอาจจะเป็นการรักข้างเดียวที่มีความสุขเมื่อคนรักของตนไปได้ดีกว่า และคนรักมีความสุข แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าต้องเจ็บปวดที่ต้องห่างไกลกัน แต่หากคนที่รักกันจริง ถ้าคนรักเขาไปได้ดีก็จะมีความสุขค่ะ มันมีเหตุผลของมันที่จะทราบได้ว่าเพราะอะไรกันค่ะ

หากการที่ฉันต้องอยู่คนเดียวแล้วมีเพื่อนชายสักคนที่เฝ้ามองเขาด้วยความสำเร็จและมีความสุข ได้พบกับคนที่เขารักและเข้าใจเขา และทำหน้าที่ของการเป็นแฟนที่ดีที่สุด ฉันว่าน่าจะดีกว่า การที่เราได้ครอบครองโดยที่ไม่รู้ว่าเขาจะรักเราหรือไม่ เขาจะถนอมน้ำใจและดูแลหัวใจที่เรามอบให้เขาได้แค่ไหน เมื่อเขารู้ว่าเรารักเขา การแอบรักก็ดีนะ เป็นการรักที่บริสุทธิ์ที่สุด หากเห็นเขามีความสุขกับคนที่เขาคู่ควรมากกว่าเรา อย่างนี้ก็เป็นสิ่งที่เรามีความสุขแล้ว

วันพุธที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2554

อยู่หน้าจอ คลิก www.yellowpages.co.th

อยู่หน้าจอ คลิก…www.yellowpages.co.th

สมุดหน้าเหลืองออนไลน์

แหล่งรวมข้อมูลทั้งจากสมุดโทรศัพท์หน้าขาว รวมรายชื่อธุรกิจ และสมุดหน้าเหลืองไทยแลนด์ เยลโล่เพจเจส ให้บริการทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ให้คุณสะดวกสบายทุกที่ ทุกเวลา ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด หากต้องการความรวดเร็วในการค้นหาข้อมูลธุรกิจ แค่คลิก www.yellowpages.co.th

ก็สามารถค้นหาข้อมูลสินค้าและบริการได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง 365วัน โดยเว็บไซต์ YellowPages มีการค้นหาข้อมูลธุรกิจเฉลี่ย 5 ล้านครั้ง และมีผู้ใช้กว่า 1 ล้านคนต่อเดือน

ในโลกนี้มีเว็บไซต์ในโลกนี้มีเป็นล้านๆเว็บไซต์ ถ้าคุณอยากจะให้มีคนเข้ามาชมเว็บไซต์มากๆก็ต้องโปรโมทเว็บไซต์ให้มากพอและต่อเนื่องซึ่งหมายถึงค่าใช้จ่ายอีกก้อนโตทีเดียว แต่การเปิดเว็บไซต์กับหน้าเหลืองช่วยให้ท่านประหยัดงบประมาณไปได้มาก เพราะการ link เว็บไซต์ของคุณกับเว็บ yellowpages.co.th (เว็บติดอันดับ 1 ของ Truehits ประเภทธุรกิจ มีคนเข้าชมวันละ 5 ล้านคนขึ้นไป)หมายถึงโอกาสที่เว็บหน้าเหลืองจะส่งคนเข้าไปที่เว็บไซต์ของคุณได้มากกว่าและตรงเป้าหมายกว่า แต่ใช้งบประมาณเริ่มต้นเพียงพันบาทต่อปีเท่านั้น และยังทำให้ page rank ของเว็บไซต์คุณสูงขึ้นอีกด้วย

วันอังคารที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

เพื่อนกัน

การคบเพื่อนเป็นสิ่งสำคัญบนโลกใบนี้นะเพราะเราไม่สามารถอยู่คนเดียวได้ จะต้องมีการทำกิจกรรมตามวิถีชีวิตซึ่ง มีผลต่อความเจริญก้าวหน้าหรือจะความเสื่อมของชีวิตอย่างมาก หลายๆ คนคงอยู่คนเดียวไม่ได้ อาจจะต้องมีใครบางคนที่รู้สึกว่าอยู่ด้วยแล้ว happy ดูอบอุ่น มีความสุข ช่วยคิด ช่วยทำกันไป แต่จะมีใครสักกี่คนที่ได้พบเจอมิตรภาพที่ดีและมีความสุขอยู่กับใครคนนั้นที่เรียกว่าเพื่อน ทั้งยังเป็นคนคอยเตือน คอยช่วยเหลือ คอยเป็นกำลังใจยามหว่าเหว่ ยามทุกข์ ยามลำบาก ยามไม่สบาย จะมีใครสักคนที่ได้เจอเพื่อนแบบนี้จริงๆ

เพื่อนในความรู้สึกของคุณบางคน ดูเหมือนจะเยอะแยะเหลือเกิน แต่อย่าลืมนะคะว่าเพื่อนมีมากมายหลากหลาย มีทั้งเพื่อนกิน เพื่อนเที่ยว เพื่อนร่วมงาน เพื่อนเรียน เพื่อนร่วมชั้น เพื่อนเดินทาง ในทางพระพุทธศาสนาก็สอนเราและควรทราบหลักธรรมที่เกี่ยวกับเรื่องมิตรที่เป็นข้อสำคัญๆไว้ว่ามิตรแท้ มิตรเทียมเป็นอย่างไร

มิตรเทียม

1.คนปอกลอก ขนเอาของเพื่อนไปถ่ายเดียว มี 4ลักษณะ
คิดเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว ยอมเสียน้อย โดยหวังจะเอาให้มาก ตัวมีภัย จึงมาช่วยทำกิจของเพื่อนและคบเพื่อนเพราะเห็นแก่ประโยชน์

2. คนดีแต่พูด(วจีบรม) มีลักษณะ
ดีแต่ยกหมดของหมดแล้วมาปราศรัย ดีแต่อ้างของยังไม่มีมาปราศรัย การให้ด้วยสิ่งที่หาประโยชน์มิได้ เมื่อเพื่อนมีกิจ อ้างแต่เหตุขัดข้อง

3. คนหัวประจบ(อนุปิยภาณี) มีลักษณะ
จะทำชั่วก็เออออ จะทำดีก็เอออ ต่อหน้าสรรเสริญ แต่ลับหลังนินทา

4. คนชวนฉิบหาย(อปายสหาย) มีลักษณะ คอยเป็นเพื่อนดื่มน้ำเมา คอยเป็นเพื่อนเที่ยวกลางคืน คอยเป็นเพื่อนเที่ยวดูการเล่น และคอยเป็นเพื่อนเล่นการพนัน
มิตรแท้
1. มิตรอุปการะ(อุปการก์) มีลักษณะ เมื่อเพื่อนประมาท ช่วยรักษาเพื่อ เพื่อนประมาท ช่วยรักษาทรัพย์สินของเพื่อน เมื่อมีภัย เป็นที่พึ่งได้ มีกิจจำเป็น ช่วยออกทรัพย์ให้เกินกว่าที่ออกปาก

2. มิตรร่วมสุขร่วมทุกข์(สมานสุขทุกข์) มีลักษณะ บอกความลับแก่เพื่อน รักษาความลับของเพื่อน มีภัยอันตรายไม่ละทิ้ง แม้ชีวิตก็สละให้ได้

3. มิตรแนะนำประโยชน์(อัตถักขายี) มีลักษณะ จะทำชั่วเสียหาย คอยห้ามปรามไว้ แนะนำสนับสนุนให้ตั้งอยู่ในความดี ให้ได้ฟังได้รู้สิ่งที่ไม่เคยได้รู้ได้ฟัง บอกทางสุขทางสวรรค์ให้

4. มิตรที่มีใจรัก(อนุกัมปี) มีลักษณะ เพื่อนมีทุกข์ พลอยไม่สบายใจ (ทุกข์ๆ ด้วย) เพื่อนมีสุข พลอยแช่มชื่นยินดี (สุขๆ ด้วย) เขาติเตียนเพื่อน ช่วยยับยั้งแก้ไข เขาสรรเสริญเพื่อน ช่วยพูดเสริมสนับสนุน

มิตรต่อมิตร พึงสงเคราะห์อนุเคราะห์กัน ตามหลักปฏิบัติในฐานะที่เป็นเสมือนทิศเบื้องซ้าย ดังนี้
- พึงปฏิบัติต่อมิตรสหาย ดังนี้

  • 1. เผื่อแผ่แบ่งปัน
  • 2. พูดจามีน้ำใจ
  • 3. ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
  • 4. มีตนเสมอ ร่วมสุขร่วมทุกข์ด้วย
  • 5. ซื่อสัตย์จริงใจ

- มิตรสหายอนุเคราะห์ตอบ ดังนี้
  • 1. เมื่อเพื่อนประมาท ช่วยรักษาป้องกัน
  • 2. เมื่อเพื่อนประมาท ช่วยรัษาทรัพย์สมบัติของเพื่อน
  • 3. ในคราวมีภัย เป็นที่พึ่งได้
  • 4. ไม่ละทิ้งในยามทุกข์ยาก
  • 5. นับถือตลอดถึงวงศ์ญาติของมิตร

จาก หนังสือธรรมนูญชิวิต พุทธจรยธรรมเพื่อชิวิตที่ดีงาม ของ พระเทพเวที (ประยุทธ์ ปยุตฺโต)

ได้มายกตัวอย่งของกลอนเกี่ยวกับเพื่อนให้อ่านค่ะ

จริงดังคำ ที่กล่าวขาน นั้นแหละหนา
โบราณพา ทั้งเปรียบเปรย ทั้งเย้ยหยัน
มีมิตรแท้ เราไม่แท้ แย่เช่นกัน
มิตรดีนั้น ต้องร่วมสร้าง อย่าหมางเมิน
-------------------------
คนดีชั่ว มากมาย ในโลกกว้าง
ชั่วดีบ้าง มีให้เห็น เป็นวิสัย
ชั่วและดี มีปนเป ถมเถไป
แล้วแต่ใคร จะเลือกคบ พบครึ่งทาง
-------------------------------------------

เมื่อมั่งมีมากมายมิตรหมายมอง
เมื่อมัวหมองมิตรมองเหมือนหมูหมา
เมื่อไม่มีหมดมิตรมุ่งมองมา
เมื่อมอดหมวยหมูหมาแม้แต่เมียไม่มามอง

หวังว่าสิ่งที่นำมาฝากวันนี้จะพอเป็นคติให้เพื่อนๆ ได้ลองคิดกันว่าเพื่อนแบบไหน ควรคบ แบบไหนไม่ควรคบค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ตลาดน้ำวัดกลางคูเวียง


มาดูวีดีโอกันเร๊วววววววว จะได้เห็นปลาสวายใหญ่ๆ




ในครั้งนี้ขอกล่าวถึงแม่น้ำนครชัยศรี พาไปเที่ยวตลาดน้ำวัดกลางคูเวียง จะมีเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ มีของกินขาย เช่นขนม ของฝาก จำพวกอาหาร ผลไม้นานาชนิด เป็นสถานที่รวมของสินค้าจากกลุ่มอาชีพ กลุ่มสตรี จากตำบลและพื้นที่ใกล้เคียงและแพปลามีก๋วยเตี๋ยวนานาชนิด นั่งกินก๋วยเตี๋ยวพร้อมกับชมวิวทิวทัศน์ข้างแม่น้ำและปลาสวายตัวใหญ่ๆ มีทั้งปลาเผือก ปลาเสือ ปลาดุก ปลาหลากหลายชนิด มีอาหารปลาจำหน่าย แล้วพวกบรรดาปลาเล็ก ปลาใหญ่มารุมแย่งกันกินอาหาร ไม่ว่าจะขนมปังหรืออาหารเม็ด มีทุกมุมของแพปลานะคะ บรรดาฝูงปลาต่าง ๆ พวกนี้มีนับล้านๆ ตัว และมีบ่อเต่าให้ชมด้วย ขอบอกว่าตัวใหญ่มากค่ะ มีอายุนานมากนับสิบๆ ปี มี ดูชาวบ้านหลายคนที่ตั้งบ้านเรือนอาศัยอยู่ริมแม่น้ำท่าจีนนี้ และที่วัดกลางคูเวียงเป็นเป็นวัดที่ประดิษฐานหลวงพ่อชื่น และเป็นแหล่งรวมลูกนิมิตทั้ง 9 วัด 81 ลูก เพื่อนำไปถวายยังวัดที่ห่างไกล โดยผู้มีจิตศรัทธาและนักท่องเที่ยวทั่วไปสามารถร่วมทำบุญในวัดนี้อย่างง่ายดาย ตามจิตศรัทธา มีทั้งถวายสังฆทาน ปิดทองลูกนิมิต วัดนี้เป็นเพียงสถานที่เดียวก็เสมือน

ได้ปิดทองลูกนิมิตถึง 9 วัด และไม่ต้องเดินทางให้ไกลไปหลายสถานที่ หรือหลายจังหวัด อีกทั้งมีชื่อเสียงด้านการปรุงยาสมุนไพร นอกจากวัดกลางคูเวียง จะเป็นศูนย์รวมยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวบ้านแล้วก็ตาม คนไทยทั่วประเทศรู้จักดีเรื่องยาสมุนไพรของวัดกลางคูเวียงแห่งนี้ ท่านเจ้าอาวาสวัดกลางคูเวียง ซึ่งท่านมีความสามารถด้าน การปรุงยาสมุนไพรรักษาโรค (แพทย์แผนไทย) มีประชาชนจำนวนมากทั่งเมืองไทยมารับการรักษาโรค นวดแผนโบราณ อบไอยาสมุนไพร ซึ่งท่านจะเป็นผู้ที่รักษาโรคต่างๆให้แก่ประชาชนที่เจ็บป่วยด้วยตัวเอง แล้วทุกท่านที่มีโรคที่รักษาไม่หาย ไปหาหมอมามากมายหลายสำนัก หลายโรงพยาบาล ก็เดินทางมาหายาที่นี่ และยังสามารถเข้ารับการักษาได้เป็นประจำทุกวันที่วัดกลางคูเวียงนี้

แม้ว่าวัดนี้จะเป็นหมู่บ้านเล็กๆ แต่ทำการพัฒนาให้กับชุมชนอีกหลายอย่าง เช่นเป็นตั้งของสถานศึกษา คือ โรงเรียนวัดกลางคูเวียง และศูนย์เด็กเล็ก วัดกลางคูเวียง ผู้เขียนได้เดินทางเข้าไปชมแล้วสถานที่เหล่านี้ เป็นที่ๆท่านเจ้าอาวาสวัดกลางคูเวียงให้การสนับสนุนในการจัดสร้าง ดูแลรักษา การพัฒนา เพื่อเป็นแหล่งถ่ายทอดความรู้ ศิลปวัฒนธรรม และภูมิปัญญาให้แก่ นักเรียน เด็กเล็ก นอกจากนั้นท่านเจ้าอาวาสท่านยังมีภูมิปัญญาในเรื่องการปรุงยาสมุนไพรซึ่งเป็นหม้อยาสมุนไพรที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่สามารถถ่ายทอดให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาอีกด้วยค่ะ ลองเข้ามาชมดูที่วัดได้นะคะ หากใครต้องการข้อมูลเพิ่มเติมก็สอบถามได้ค่ะ ที่ตลาดน้ำวัดกลางคูเวียง

ของดีเมืองนครปฐม

เมืองนครปฐม ดินแดนแห่งความอุดมสมบูรณ์ เมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่อง ส้มโอหวาน โดยมีชาวสวนที่ปลูกส้มโอพันธุ์ที่มีชื่อเสียงมาก เช่น ส้มโอพันธุ์ทองดี รสชาติดีหวานนำอมเปรี้ยวเล็กน้อย ที่คนเขามาซื้อไปฝากญาติๆ กันเมื่อเดินทางผ่านมาที่ นครชัยศรี ลักษณะของส้มโอพันธุ์ทองดี รสชาติดีหวานนำอมเปรี้ยวเล็กน้อย ไม่ขม เนื้อในสีขาวอมชมพู มีลักษณะรูปทรงกลมแป้น เปลือกผิวบาง ชาวจีนนิยมมาก นำมาไหว้ช่วงเทศกาลก็นิยมนำไปไหว้เจ้าเป็นมงคล หรือช่วงธรรมดาก็บริโภคกันไป ส้มโอพันธุ์ขาวน้ำผึ้งก็เนื้อแน่น น่ารับประทาน ส้มโอพันธุ์ขาวพวง รสชาติเปรี้ยวอมหวาน ช่วงแก่จัดรสจะหวานมากกว่าเปรี้ยว ส้มโอพันธุ์ขาวแป้น และ ส้มโอพันธุ์ขาวหอม รสเปรี้ยวนำ ลักษณะผลใหญ่ เปลือกบาง น้ำหนักดี เห็นไหมคะ ว่าน่าอร่อยทั้งนั้นเลย

ทั้งนี้เมืองนครปฐมยังเป็นแหล่งผลิตข้าวที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในเมืองไทยที่อำเภอบางเลน เป็นแหล่งปลูกข้างที่สำคัญมากค่ะ และที่มีคุณภาพจนถึงขั้นส่งออก ชีวิตของคนชาวสวนชาวไร่จะเรียบง่าย สาวๆ เมืองนครปฐมจะหน้าตาดี น่ารักตามแบบพื้นๆ เรียบง่าย สมถะ และอีกอย่างของเมืองนี้ที่เป็นของฝากกันหนาหู เช่นข้าวหลาม มีทั้งแม่เล็ก แม่ลูกจันทน์ อร่อยทั้งนั้น มีความหวานและมันในตัว นุ่มหอม อร่อย

สถานที่ท่องเที่ยวก็มีพระราชวังสนามจันทร์ พุทธมณฑล ดินแดนพุทธธรรมที่มีลานปฏิบัติธรรมของทางพระพุทธศาสนาอีกด้วย เป็นทั้งสวนสาธารณะที่ใหญ่มากของเมืองไทยที่มีเนื้อที่กว้างใหญ่ไพศาล แม้จะเดินทั้งวันก็ไม่หมด มีพระศรีศักยทศพลญาณ ประดิษฐานคู่มานมนาน เป็นที่ล่ำลือแห้งความศักสิทธิ์ หากใครเอาเหรียญไปโยนลงในบาตรที่สูงแลชะใหญ่โตนี้ได้ นับว่ามีบุญและคำอธิษฐานก็สามารถประสบความสำเร็จได้ อันนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลนะจ้ะ อีกที่ที่ควรไปก็วัดหินอ่อนค่ะ ตั้งอยู่ภายใน เป็นวัดที่สวยมาก และประดับประดาไปด้วยตำราหินอ่อน ประวัติเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาและเจดีย์สีทองที่สวยงามและสูงส่ง ริมแม่น้ำที่กว่างใหญ่ในวัดพุทธมณฑลแห่งนี้


สิ่งที่มีชื่อเสียงก้องโลกคงต้องยกให้กับองค์พระปฐมเจดีย์ ซึ่งเป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมากมาย มาเยือนที่นี่เพื่อมาดูเจดีย์ที่ศักดิ์สิทธิ์ มาตั้งแต่สมัยสุโขทัย เป็นของคู่บ้านคู่เมืองที่ควรมาสักการะแห่งหนึ่งในเมืองไทย ที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ หากมาประเทศไทยแล้วไม่มาที่นี่ จะมาไม่ถึงเมืองไทย


แม่น้ำที่สำคัญของจังหวัดนครปฐมก็คือแม่น้ำนครชัยศรี หรือแม่น้ำท่าจีน ที่เป็นเป็นแม่น้ำสายสำคัญในการทำเกษตรกรรมที่หล่อเลี้ยงชาวไทยมากนาน ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว อุดมสมบูรณ์ มีกินมีใช้อย่างพอเพียง ไม่ฟุ้งเฟ้อ เห่อเหิมเหมือนปัจจุบันนี้ แตกต่างกับตอนนี้ที่มีอุตสาหกรรมมากมาย เกตรกรรมก็ใช้ยาและสารเคมี จนทำให้น้ำเน่าเสีย ไม่สามารถนำมาดื่มใช้ได้อีกต่อไป แต่ก็พยายามบำบัดให้ดีกว่านี้และควบคุมดูแลมากขึ้น ความทันสมัยได้เปลี่ยนวิถีชีวิตดั้งเดิมของคนนครปฐมที่มีมายาวนานจวบจนปัจจุบันเป็นสังคมเมืองที่ทันสมัยในยุคปัจจุบัน

คำขวัญของจังหวัดนครปฐมจึงมีว่า เมืองส้มโอหวาน ข้าวสารขาว ลูกสาวงาม ข้าวหลามหวานมัน สนามจันทร์งามล้น พุทธมณฑลคู่ธรณี พระปฐมเจดีย์เสียดฟ้า ที่ท่องกันมาจนถึงปัจจุบันนี้

วันอังคารที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ของกินที่อร่อยที่สุด

วันนี้พาทุกท่านไปรู้จักกับของกินอร่อยๆกัน อยากรู้ไหมว่าอะไร ไปตอนนี้ไปเลยค่ะ




อันนี้เป็นอาหารที่ใครหลายคนต้องรูู้จักเป็นอย่างดีนะคะ ก็คือ ส้มตำบ้านเรานี่เอง นี่แหละค่ะ เป็นอาหารลือเลื่องชื่อที่อร่อยมากของเมืองไทย ใครไม่รู้จักก็ไม่ใช่คนไทยแล้ว อิอิ อาหารชนิดนี้เป็นอาหารที่ใช้ครกกับสาก โดยนำมะละกอมาทำเป็นเส้นๆ และเตรียมไว้เพือจะนำมาใส่หลังจากการปรุงด้วยน้ำปลา มะนาว กระเทียม พริกและน้ำตาล ใส่มะละกอสับลงไป คลุกันให้ทั่งและใช้มะเขือเทศ กุ้งแห้ง และถั่ว หลังจากนั้นก็ตักใส่จาน เสิร์ฟพร้อมถั่วฝักยาว ผักบุ้ง กระหล่ำปลี อร่อยมากเลยค่ะ ได้ชิมแล้วจะติดใจ ในรสชาติของส้มตำไทยนะคะ

ส้มตำไทย ทางภาคเหนือ เฮาฮ้องว่า ตำส้ม ภาษาอีสานเอิ้นว่าตำบักหุ่ง ภาษาใต้น่าจะเรียกว่าส้มตำ และภาษากลางก็เช่นกันค่ะ ทุกภาคทุกภาษารู้จักอาหารชนิดนี้กันหมด ดังนั้นจึงเป็นอาหารขึ้นชื่อและมีชื่อ
เสียงที่โด่งดังมาก จนหันไปทางไหนก็มีขายทั่วบ้านทั่วเมืองกันหมด หากินไม่ยากค่ะ ราคาแค่ 25 บาท ถึง 35 บาทเท่านั้นเอง เป็นอาหารที่มีประโยชน์นะคะ เพราะไม่ผ่านความร้อน คงความสมบูรณ์ของคุณค่าอาหารและไม่ทำให้อ้วนด้วย ถ้าไม่รับประทานหวานจนเกินไป อาหารชนิดนี้ทานแล้วไม่เบื่อ






วันอาทิตย์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ทำโฆษณาราคาถูก


Adsearch - แบนเนอร์โฆษณาบนเว็บไซด์ Yellowpages

ในยุคแห่งการแข่งขันทางธุรกิจในปัจจุบันนี้ หากผู้ประกอบการใด มีช่องทางการโปรโมทสินค้าที่มากกว่า ย่อมจะกำความได้เปรียบอยู่ในมือ Adsearch ถือว่าเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการโปรโมทสินค้า ผ่านเว็บไซด์ อันดับ 1 ทางด้านธุรกิจ อย่าง Yellowpages.co.th

ทำไมต้อง Adsearch ?

1. ตรงกลุ่มเป้าหมาย กำหนดคำค้นหาได้ โดย แบนเนอร์โฆษณาจะแสดงเมื่อมีคนค้นหาคำที่เรากำหนดไว้
2. ประหยัดสุดๆ จ่ายเงินเมื่อมีการคลิกครั้งแรกของวันเท่านั้น คลิกต่อไปฟรี !!! (คลิกแรก ต่อ วัน ต่อ คำ)
3. ควบคุมงบประมาณได้ โดย สามารถกำหนดงบประมาณลงทุน เป็น ต่อวัน ต่อเดือน หรือ ต่อปีได้
4. เพิ่มช่องทางใหม่ ในการโปรโมทเว็บไซด์ หรือ สินค้า ของคุณ ในราคาถูก
5. ใครๆ ก็ซื้อ ใครๆ ก็ใช้ คู่แข่งของคุณอยู่ไหนลองค้นหาดูซิ...
สนใจติดต่อ : 080-6236659, 02-2628512 /
สนใจติดต่อ : 080-6236659, 02-2628512 / marichmedia@gmail.com

Landing Pages - หน้าข้อมูลธุรกิจปิดการขาย

ปัจจุบัน Yellowpage.co.th มีผู้เข้ามาใช้บริการค้นหาข้อมูลเฉลี่ย 70,000 - 80,000 คนต่อวัน 1 ในนั้นอาจเป็นลูกค้าของคุณ ที่กำลังมองหาสินค้าและบริการที่คุณขายอยู่ แต่คงไม่เจอร้านค้าของคุณ หากคุณไม่มี Landing Pages.

ทำไมต้อง Landing Pages ?

1. แสดงข้อมูลธุรกิจของคุณ ทุกๆ ครั้งที่มีการค้นหาคำที่มีความเกี่ยวข้องกับสินค้าของคุณ
2. ราคาถูก...เริ่มต้นเพียง 1,000 บาท ต่อ ปี คิดเป็นต่อวันเพียงวันละ 2.74 เท่านั้น
3. มีโอกาศติดอันดับที่ดีบน Google.co.th เพราะเว็บหลัก Yellowpages.co.th เป็นเว็บที่มีคุณภาพ
4. เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการโปรโมทเว็บหลัก หรือ สินค้า และ บริการของคุณ
5. สามารถแชร์ข้อมูลธุรกิจของคุณ ไปยัง Facebook ได้อย่างง่ายดาย

สนใจติดต่อ : 080-6236659, 02-2628512 / marichmedia@gmail.com

Online Media - สื่อโฆษณารูปแบบอื่นๆ
Facebook Ads
Google Adwords
Hunsa Banner

สนใจติดต่อ : 080-6236659, 02-2628512 / marichmedia@gmail.com





รังนก ช่วยเสริมสุขภาพ



วันนี้ขอนำเสนอยอดอาหารบำรุงสุขภาพ คือรังนกนั่นเองค่ะ


เป็นที่ทราบกันดีว่ารังนกที่ว่านี้เป็นรังนกนางแอ่นหรือชาวต่างชาติเรียกว่า white gold หรือทองคำขาวแห่งเอเชีย ซึ่งเป็นที่น่าสนใจและน่าจับตามองทางธุรกิจ นำมาทำเป็นอาหารเสริม ที่มีประโยชน์สารพันชนิดให้กับร่างกายซึ่งได้รับการยกย่องว่ามีคุณค่าทางโภชนาการสูงและรสชาติอร่อยดี มีประโยชน์ต่อร่างกาย อีกทั้งยังสามารถใช้เป็นยารักษาโรคบางชนิดได้ ที่ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติเป้นที่รู้จักดี มีมานานมากสำหรับคนจีนที่เป็นที่นิยมกันดีมาหลายทศวรรษในการนำมารับประทานนกนางแอ่นมีลักษณะของนกนางแอ่นมีขนาดเท่านกกระจอกธรรมดา มีขนสีเทาค่อน ปากสั้น กว้าง และมีสีดำ มีตาสีดำ ซึ่งมักจะทำรังอยู่ในถ้ำบนเกาะกลางทะเล เมื่อบินออกจากถ้ำไปแล้ว มักจะบินโฉบกินแมลงในอากาศและบินอยู่ตลอดวันจึงจะกลับเข้ารัง นกชนิดนี้ แม้ตัวจะเล็กแต่แข็งแรงมาก มันจะใช้น้ำลายที่สำรอกออกมาจากต่อมน้ำลายถักทอรัง รังนกนางแอ่นที่นำมารับประทาน คือ ชนิด รังนกชนิดขาว สร้างโดยนกนางแอ่นขาว นกนางแอ่นตัวผู้และตัวเมียจะช่วยกันสร้างรังเป็นคู่ ๆ รังนกตัวเมียโตกว่ารังนกตัวผู้ เพื่อการวางไข่ และกกไข่ของแม่นก นิยมบริโภครังนกเป็นชีวิตจิตใจ ในประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิง พบว่า มีแพทย์เขียนใบสั่งยา โดยมีรังนกเป็นส่วนผสม โดยเชื่อว่า รังนกสามารถรักษาโรคทางเดินหายใจ ช่วยบำรุงสุขภาพคนที่ร่างกายไม่แข็งแรงได้ดี ดังนั้นการบริโภครังนกนางแอ่นได้รับความนิยมสูงสุดจากชาวจีน ส่วนคนไทยแม้จะคุ้นเคยกับการเก็บหาและค้าขายรังนกมานาน แต่สำหรับแต่ก่อน รังนกหายากราคาแพง และความนิยมสังคมชั้นสูง หรือเรียกว่าคนมีฐานะ และเป็นอาหารที่ใช้ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง แต่ปัจจุบันนี้นับวันยิ่งจะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นจนทำให้มีการเก็บรังนกมาทำเพื่อจำหน่ายกันอย่างแพร่หลาย

ประโยชน์ของรังนก

1. กินทุกเช้าเย็น มีสรรพคุณ ช่วยบำรุงปอด ตับ และไต เสริมประสิทธิภาพบำรุงปอดได้ดีมากยิ่งขึ้น

2.เหมาะสำหรับผู้ที่ปอดอ่อนแอ ไอแห้ง หรือหลอดลมอักเสบเรื้อรัง มีอาการร้อนขึ้นในตอนบ่าย ร่างกายอ่อนแอ เหงื่อออกผิดปกติขณะหลับ ผู้ป่วยวัณโรคในระยะพักฟื้นค่ะ

3.รังนกมีประโยชน์ ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารเป็นโปรตีนที่สามารถละลายน้ำได้ ซึ่งเชื่อกันว่า สามารถส่งเสริมเซลล์ภายในระบบภูมิคุ้มกันโรคได้

4.ใช้มันต้านสารเสพติด AZT และสามารถต่อต้านภูมิคุ้มกันบกพร่องในโรคเอดส์ได้

5.เป็นอาหารเสริมบำรุงกำลัง ทำให้ร่างกายไม่เหนื่อยอ่อน ร่างกายสดชื่น กระชุ่มกระชวย

6. ยามหิวก็สามารถนำมารับประทานได้ ทำให้อิ่มง่าย มีน้ำตาลน้อย

7.มีคุณค่าต่อระบบเลือดช่วยบำรุงผิวพรรณให้อ่อนกว่าวัย ชะลอความแก่ (Antiaging) และทำให้อายุยืนอีกด้วย

8.คุณทางยาช่วยรักษาโรคทางเดินหายใจ บำรุงปอด เพิ่มโลหิต บำรุงพลังทางเพศ และมีคุณสมบัติยับยั้งการตกตะกอนของเม็ดเลือดซึ่งเท่ากับเป็นการลดโอกาสเกิดการอุดตันในเส้นเลือด แต่ด้วยรังนกนางแอ่นนั้นเพราะเป็นผลผลิตทางธรรมชาติที่มีเฉพาะบางแหล่งเท่านั้น

หลังจากนี้อีกทั้งสภาวะเศรษฐกิจอันแสนย่ำแย่ ที่ทำให้หลายคนอาจจะมีปัญหาเรื่องงาน กลายเป็นปัญหาหนักอกหนักใจ จนคิดไม่ออกว่าจะทำอะไร ดังนั้นขอนำเสนอการจำหน่ายรังนก ที่เป็นที่นิยมในตลาด หลายคนอาจจะสนใจแนวทางด้านนี้ ขอเสนอร้านเพื่อจำหน่ายนะคะ

ท่านสามารถติดต่อได้ที่ คุณอั้ม 080-623-6659

Email : aumaum1985@gmail.com


ธุรกิจนี้สามารถขายได้แน่นอน เพราะราคาถูก เงินลงทุนก็น้อย ลองติดต่อสอบถามก่อนได้ค่ะ ตามสะดวกข้างต้นนี้ อย่าลืมว่า บางคน ไม่มีเวลาดูแลสุขภาพการกินอย่างเพียงพอ อาหารเสริมจึงเป็นทางออกที่สะดวก และมีประโยชน์ สำหรับผู้ห่วงใยสุขภาพได้อย่างดี หากเราเสนอขายสิ่งที่มีประโยชน์สำหรับคน การตลาดก็เป็นไปได้แน่นอนค่ะ

เรามีจำหน่ายทั้งปลีกและส่งค่ะ

สำหรับร้านของเราจะเป็นการสั่งซื้อแบบออนไลท์นะคะ สามารถโทรมาจองได้ ในอัตราปริมาณมากก็จะลดราคากันไป คุยง่ายค่ะ เพราะเราเอากำไรไม่มาก เราจะไม่มีหน้าร้านนะคะ หากจะออกขายตามตลาดนัดแถวจ.นครปฐม แถบอ.นครชัยศรี อ.ศาลายา เป็นอาหารสุขภาพสำหรับคนที่รักสุขภาพ หากพูดถึงรสชาติแล้ว รับรองเมื่อรับประทานแล้ว จะต้องติดใจอยากหาซื้อมาเก็บไว้ที่บ้านแน่นอนค่ะ

สำหรับท่านที่สนใจจะรับไปขายต่อและอยู่แถวกรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัด ต้องการรับไปขายต่อ โทรมาคุยกันได้นะคะ เพราะร้านรังนกของเราจะรับออร์เดอร์เพื่อผลิตให้ค่ะ หากท่านสามารถขับรถมารับเองก็จะได้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายทางพัสดุไปรษณีย์ รับรองลูกค้าติดใจแน่นอน 100% เพราะเราทำด้วยใจและคุณภาพ รังนกของเราสะอาดและอร่อยค่ะ

บางรายอาจจะเคยซื้อมารับประทานแล้วรู้สึกหวานไป เนื้อน้อย (เนื้อที่หมายถึงก็คือวุ้นนั่นเองค่ะ)อาจจะไม่ประทับใจ แต่รังนกของอั้ม ได้คุณภาพค่ะเพราะว่าเราใส่ใจในความพิถีพิถันของการผลิตซึ่งคุณแม่เป็นต้นตำรับในการทำการผลิตเองด้วยความสะอาดที่สุด โดยปกติคุณแม่จะทำไว้รับประทานเองค่ะ แต่ท่านเห็นว่าเมื่อรับประทานแล้วสุขภาพของท่านดีขึ้นเพราะท่านเองก็ไม่แข็งแรง เป็นทั้งเบาหวานและโรคเครียด เมื่อท่านมาทำเอง รังนกกินแล้วดี ช่วยชะลอความแก่ ท่านเลยทำขายได้ด้วยค่ะ


หากมีการสั่งของก็จะต้องมีการทำผลิตให้โดย อาจจะต้องมีการสั่งซื้อและโอนเงินทางบัญชี 50 % เพื่อเป็นการมัดจำก่อนล่วงหน้า ว่าท่านต้องการสินค้าจริงๆ ค่ะ เรื่องราคาการสั่งซื้อสามารถคุยกันได้ค่ะ

รับประกันความอร่อย สะอาด ประหยัดและปลอดภัย O Top เมืองนครปฐม

ข้อมูลผู้ขาย

ผู้ผลิต: คุณอั้ม

ที่ตั้ง: จ.นครปฐม

Email: aumaum1985@gmail.com

website: http://aum-journal.blogspot.com/2011/05/blog-post.html

เบอร์ติดต่อ: 080623-6659

เลขบัญชี:

ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาบิ๊กซี บางนา-ตราด กม.3
ชื่อบัญชี นางสาว ขนิษฐา อาทิตย์
เลขที่บัญชี 117-277390-9



วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2554

กาลเวลาผ่านไป....ความเจ็บช้ำยังคงเท่าเดิม

เหมือนโชคชะตาฟ้าแกล้งที่ทำให้ชีวิตของเราต้องมาอยู่ตรงนี้ ทำดีเท่าไรก็ไม่เคยมีใครเห็นความดี คนใกล้ตัวไม่ต้องการ แต่คนไกลตัวพร่ำเพรียกหา วันเวลาผ่านไป ไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้นเลย ยิ่งเหนื่อยหนักขึ้นทุกวัน วันนี้รู้แค่ว่ามีลมหายใจก็ผ่านไปได้แล้ว ชีวิตมีค่าแค่เพียงลมหายใจ ที่จะต้องสู้เจียนตาย อยู่เพียงคนเดียว


นานแล้วนะที่ความโดดเดี่ยวเกาะกุมกินหัวใจ ชีวิตของเราจะเอาอะไรดี เดินไปไหนดีหนอ แล้วเราจะรออะไร ถ้าทำ จะทำเพื่อใคร เกิดมาชีวิตเดียวก็ตายคนเดียว เมื่อบางครั้งครอบครัวไม่ต้องการเรา มาตั้งแต่เด็กแล้ว เวรกรรมอะไรหนอที่ทำให้เราแตกต่างจากพ่อแม่ ความคิดหรือการกระทำ ความห่างกัน การศึกษาหรือว่าเราไม่ดีกันนะ


ยามที่เราอยากเรียนก็ไม่ได้เรียนในฝัน หากจะฝันก็ไม่ได้ กลายเป็นคนเพ่้อเจ้อไปซะงั้น กลายเป็นว่าชีวิตไปดั้นด้นอยู่ข้างนอกบ้านซะนาน เหนื่อย โดเดี่ยว อ้างว้าง ความรักอยู่ไหนหนอ ขอได้ไหม ใครกันที่จะมีให้เราคอยซับน้ำตา เพียงแค่เวลาสั้นๆ ก็ยังดี

วันนี้เป็นอย่างไรก็ยังเหมือนเดิม วัะนเวลาผ่านไป หายไปจากบ้าน ไม่เคยถาม ไม่เคยห่วงใย ไม่เคยจดจำ เราอาจจะเป็นเศษธุลีในสายตาของเขา ดังนั้นให้เราเกิดมาทำไม เกิดมาสู้ด้วยตนเอง มันเหนื่อยเหลือเกิน ชีวิตที่เรายังคงต้องเดินไปคนเดียว บางครั้งก็ท้อ ไม่รู้จะทำอะไรต่อไป จะเอายังไง จะทำอะไรดีเล่า เพราะเราไม่ได้มีวาสนาที่งดงาม เกิดมาก็ไม่ได้สบายแล้ว

จำได้ว่า บ้านหลังเล็กๆ ที่อยู่กับยาย 2 คน แม้ยามหนาวก็มียายข้างๆ ยามหิวก็มียายป้อนข้าวยายเองก็ตีบ้าง ตอนนั้นจำได้ว่ามียายนอนข้างๆ ทุกวัน ยายไปไหนก็ตามยายไปทุกที่ ยายเป็นเหมือนดวงใจ แต่ไม่ได้ให้ยายเลยสักอย่าง ยามยายมาหา ยายก็เอาตังให้ แม้จะเล็กน้อย ยายก็ให้ มันเป็นความรู้สึกที่ดี อบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกที่ยายยังห่วงใย หลายปีมานี้ตั้งแต่ 5 ขวบ ชีวิตจากอกยาย มาอยู่กับครอบครัวแท้ที่ไม่แท้ ความรักถูกหั่นออกไป ความผูกพันธ์กับยายหายไป คิดถึงวันที่เราจะกลับไปหายาย แต่ก็ไม่ได้ทำดังที่ฝันสักครั้ง
จะต้องมีเหตุที่ทำให้ไม่ได้ไปหายายสักที คิดถึงจัง คิดถึงอ้อมกอดของยาย อย่างน้อย ยายก็ไม่ได้ดูถูก ไม่ได้ด่ารุนแรง ทำอย่างไรที่จะได้ไปอยู่กับยายอีกที เหนื่อยเหลือเกิน

หากเมื่อ 5 ขวบได้อยู่กับยาย ชีวิตคงไม่ต้องโดเดี่ยว ไม่ต้องขวนขวายหาอะไรในชีวิตที่มากขนาดนี้ไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องต่อสู้กับการแข่งขันบนโลกนี้นัก บางที่เราก็เริ่มหมดแรงจะดิ้นรนแล้ว เพราะขาดกำลังใจ ขาดแรงบันดานใจ ที่จะเดินต่อไป

วันนี้บอกตัวเอง ว่าต้องสู้ต่อไป แม้จะเหนื่อยแค่ไหนก็ตาม อยากมีรอยกอดที่อบอุ่บ ความห่วงใย จากใครสักคนที่เขารักเราอย่างจริงใจ โลกนี้จะมีไหมนะ หากควาเจ็บช้ำมาตลอดชีวิตนี้จะหายไปจากใจก็ต่อเมื่อมีใครสักคนสอนให้เรารัก แบบอบอุ่นที่เราไม่เคยรู้จักมันเลย เราทำอะไรให้ใครไว้นะ ชาติภพนี้ถึงเป็นแบบนี้ รู้สึกว้าเหว่เหลือเกินที่เราต้องขาดคนเข้าใจ อยู่โดยทีี่เราถูกสบประมาท โดนดูถูกมาตลอด เคยเป็นไงก็เป็นอย่างนั้น ไม่เปลี่ยนแปลง ทุกวันนี้มีอะไรทีี่ดีกว่านี้บ้างนะ






วันเสาร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2554

เรื่องเล่าประสบการณ์ลี้ลับ เรื่องผี ผี และไสยศาสตร์มนต์ดำ ภาค 3

เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจ เป็นเรื่องของคนชอบของเก่า ชอบสะสม ของที่คนอื่นเขาไม่ปรารถนากัน เป็นสิ่งที่เด็กผู้หญิงทั่วไปไม่ได้สนใจ แต่ความทะเล้นหรืออะไรบอกไม่ถูกที่ทำให้ฉันอยากได้มันมาครอบครอง แต่พอได้มา สิ่งนั้นไม่ได้เหมาะสมกับฉันเลยที่จะถือครองไว้กับตัวเอง นั่นจึงเป็นที่มาของประสบการณ์จากเรื่องนี้ที่หลายคนอย่าได้นำมาเป็นตัวอย่างเพราะอาจจะทำให้หายไปจากโลกนี้ได้เร็วขึ้นเมื่อคุณพาชีวิตตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งที่มองไม่เห็นค่ะ สิ่งโบราณอันลี้ลับ ไม่ว่าจะเป็นของมีคมใดๆก็แล้วแต่ นั่นเป็นที่มาของตำนานและอาคม รวมถึงอาถรรพ์ที่จะเกิดขึ้นได้โดยที่เราไม่สามารถมองเห็น หรือสัมผัสได้ในสิ่งนั้นเอง เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดกับฉันเอง ที่วันหนึ่งเดินไปเห็น กริช ซึ่งจัดเป็นมีดชนิดหนึ่งเช่นกัน เป็นของมงคล ของมีคม แต่ด้วยที่ฉันเป็นคนชอบของเก่า ชอบมีด ชอบอะไรที่แปลกๆ หรือพวกของขลัง ไปเจอกริช เล่มนั้น เป็นสแตนเสส ลักษณะของกริชก็ทื่อๆ เหมือนไม่ได้ใช้มานาน

วันศุกร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2554

ทำงานใหม่ ใจต้องสู้

หลายๆ คนที่เรียนจบแล้ว คงจะหางานกันสินะ บางคนก็หางานทำได้แล้ว บางคนก็ยังอยู่บ้านรองาน บางคนก็อาจจะมีธุรกิจส่วนตัวที่ทำเอง แต่เราก็จะภูมิใจถ้างานนั้นเป็นงานที่ถูกใจแล้วเราก็ชอบ
แต่บางคนสิคะ ที่เขาไม่มีทางเลือก งานอะไรก็ทำไปก่อน คิดเพียงเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด ความฝันนั้นก็ไม่อาจจะเป็นจริงได้เสมอไป หรือบางคนไม่คิด ไม่ฝัน มันก็เป็นอะไรที่ประสบความสำเร็จเหนือคาดหมาย
อันนี้ก็แล้วแต่วาสนาของแต่ละคนที่โอกาส ไม่เท่ากัน

อย่างที่บอกว่า ในช่วงแรกของการทำงาน มันก็อาจจะเจอสิ่งใหม่ สังคมใหม่ สิ่งแปลกใหม่ที่เป็นโจทย์ให้เราต้องปรับตัว การเรียนรู้แน่นอนว่าหากใครหัวดีก็เรียนได้เร็ว โชคดีไป ใครไม่ค่อยรู้เรื่องก็ค่อยๆเรียนไป อาจจะช้าบ้าง
ลำบากบ้างก็ต้องอดทน อาจจะต้องเจอรุ่นพี่รับน้อง อาจจะโหดบ้าง หรือดีก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับสังคมตามธรรมเนียม คนมาก่อนมาหลัง
รายละเอียดงานที่อาจจะยาก ต้องใช้เวลาเรียนรู้ นั่นก็คือว่าโจทย์แรกนะคะ แต่ที่ต้องทนก็งานที่ต้องพบปะลูกค้า นั่นหมายถึงบุคคลคนสำคัญงานบริการในยุคปัจจุบัน งานบริการคู่กับลูกค้า ที่ธุรกิจไหนก็ต้องทำ
ยกตัวอย่างของ case งานขายของ sale personal การเริ่มต้นทำงานนี้เป็นงานหนัก เปรียบไปก็เหมือนกับการทำนา เป็นการหว่านต้นกล้า โดยที่บางคนอาจจะไม่มีประสบการณ์ ไม่มีฐานลูกค้า และจำเป็นที่ต้องหา ไม่รู้อะไรเลย ก็ย่อมต้องหนักหนาเป็นธรรมดา
ลำบากบ้าง รอคอยผลที่เราทำไปบ้าง แต่เมื่อวันหนึ่งที่ผลของการทำนาสำเร็จเป็นข้าวกล้าที่เราปักไปนั้น แล้วการใส่ปุ๋ยก็เหมือนกับการเอาใจใส่ลูกค้า การดูแลลูกค้า มักจะเห็นผลไวขึ้น
เมื่อข้าวกล้าเริ่มโตและสามารถเก็บเกี่ยวได้ ดังนั้นข้าวสุกออกรวงเต็มนาฉันใดก็ฉันนั้น นั่นเป็นผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้แล้วก็คือ การที่ลูกค้าซื้อสินค้าของเรานั่นเอง ยิ่งสินค้าแพงก็ต้องใส่ใจให้มากขึ้นนั่นเองค่ะ

วันพุธที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2554

เรื่องเล่าประสบการณ์ลี้ลับ เรื่องผี ผี และไสยศาสตร์มนต์ดำ ภาค2

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ได้ยินแต่เสียง เป็นเสียงของผู้หญิงในยามค่ำคืน เลียงที่ไม่มีเหตุผล ทรมาน ไม่มีที่มาค่ะ ตามธรรมชาติของมนุษย์ ย่อมมีเกิด แก่ เจ็บและตาย ไม่มีใครสามารถอยู่ได้เป็นอมตะ แต่อยู่ที่ช่วงชีวิตนั้น ทำอะไร ดีหรือชั่ว หากว่าต้องการให้ชีวิตมีความพอดีก็อย่าดิ้นรนมากจนเกินไป อาจจะเป็นปัจจัยให้เกิดการทำสิ่งผิดขึ้นมาได้ เรื่องราวของเสียงนี้ไม่มีที่มา เพราะฉันสัมผัสได้แค่เสียง อาจจะเป็นคนหรือสิ่งที่เรามองไม่เห็นก็ไม่อาจจะทราบได้ เพราะว่าเป็นเวลายามวิกาล ค่ำคืน ดึกสงัด ทุกบ้านเรือนหลับกันหมดแล้ว สมัยก่อน ครอบครัวของฉัน พ่อทำโรงงาน ยังมีชีวิตที่จนๆ อยู่ห้องแถวที่เช่าอยู่หน้าโรงงานที่พ่อทำอยู่ แค่เดินไปก็สามารถทำงานได้ เจอเลย แต่ที่ห้องแถวที่เช่าอยู่เป็นห้องชั้นเดียว ข้างหลังกว้าง มีหลายคูหา แต่พ่อได้หาไม้อัดมาปิดกั้นเป็นแถบบ้านของตัวเองแล้ว เพราะมีลูกสาว ตอนนั้นอายุได้ 12 ขวบละ เริ่มเป็นสาว ข้างบ้านมีลูกชาย ไม่ได้สนิทกัน ดังนั้นหลังบ้านเป็นป่าดิบ เป็นที่ว่างที่ไม่มีใครทำอะไร ไม่มีเข้าไปและไม่มีอะไรนอกจากต้นไม้ใหญ่ๆ และสัตว์เลื้อยคลาน ที่เป็นไปตามธรรมชาติ เมื่อพูดถึงป่า นั่นเมื่อดึกมา มืดสนิท คุณก็รู้ใช่หรือไม่ว่านึกถึงอะไร ความมืดกับความน่ากลัวเป็นของคู่กัน ฉันไม่ชอบออกไปเข้าห้องน้ำเพราะทางด้านหลังกำแพงที่กั้นไว้เป็นป่าที่น่ากลัว ป่าดิบที่เป็นมานานมาก ฉันอยู่มาเรื่อยๆประมาณ 4 ปีได้ พ่อกับแม่ก็ได้อาศัยทำงานไป มีเหตุการณ์วันหนึ่งเกิดขึ้นมา ที่ทำให้ฉันต้องตกใจเนื่องด้วยเสียงดังมากที่เกิดขึ้น ฉันปวดปัสสาวะเหลือเกิน จนทนไม่ได้ คืนนั้นเป็นคืนเดือนมืด ทุกอย่างเงียบ ประมาณตี 2 ได้ ลมมันช่างเย็นเยียบเสียเหลือเกิน ฉันรู้สึกไม่อยาก มองไปหลังป่านั่นเลย เพราะกลัวผี กลัวเห็นอะไร จึงรีบทำธุระให้เสร็จ แต่พลันก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้หญิง เป็นเสียงแหลมมาก ดัง หวี๊ดดดดดดดด เสียงนั้นติดหูปุบ ก็วิ่งเข้าบ้านทันที ไม่เหลียวหลังไปมอง เสียงนั้นแสดงถึงความเจ็บปวด ทรมานมาก เป็นเสียงที่เหมือนใครทำร้ายมา และคงไม่ใช่สิ่งบริสุทธิ์ ดังนั้นไม่อยากมองฝ่าความมืดเพื่อให้รู้ว่าอะไร วัน หลังจากคืนนั้นก็ไม่ได้ออกไปเข้าห้องน้ำกลางคืนอีกเลย ไม่นานก็ย้ายบ้านไปเพราะแม่อาจจะมีเงินเก็บไปเช่าบ้านใหม่อยู่แล้วก็ได้ ก็ไม่ได้มาอีกเลยค่ะ

วันอังคารที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2554

เรื่องเล่าประสบการณ์ลี้ลับ เรื่องผี ผี และไสยศาสตร์มนต์ดำ

คุณเคยมีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องสิ่งที่มองไม่เห็นบ้างหรือไม่คะ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่น่าค้นหาและน่าสนใจสำหรับบางคนใช่หรือไม่ หากจะเล่าไป เรื่องเหล่านี้คุณจะเชื่อไหม ว่าเป็นเรื่องจริง



ความจริงเรื่องไสยศาสตร์หรือสิ่งลี้ลับเป็นความเชื่อที่มีมาช้านานคู่กับคนไทย ตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษจนถึงปัจจุบัน สิ่งไหนลี้ลับ มักจะมีคนสนใจ หารบอกต่อเล่าขานที่ทั้งจริงและไม่จริงก็มีมาก หากจะกล่าวไปก็เหมือนต้องใช้วิจารณญาณเพื่อพิจารณาถึงว่าน่าจะเป็นก่อนแล้วค่อยเชื่อตามคำสอนของศาสนาพุทธ สิ่งที่ฉันพบเจอนี้ บอกก่อนว่าเป็นสิ่งที่พิสูจน์และหาคำตอบไม่ได้เลย ประสบการณ์ตั้งแต่เด็กจนโตเลยนะคะ เมื่อสมัยเด็กๆ ฉันยังจำความได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องประหลาดที่เกิดกับตัวเอง ถึงตอนอยู่โรงเรียนประถมศึกษา ที่โรงเรียนสมัย ป 2. วันหนึ่งฉันไม่สบายและที่โรงเรียนไม่มีห้องพยาบาล ดังนั้นฉันจึงเดินทางไปพักที่ห้องสมุดของโรงเรียน มีเตียงนอนเพื่อพักสำหรับคนไม่สบาย คุณครูให้ฉันไปพัก เมื่อเข้าไปพักที่ห้องสมุด สภาพของห้อง ไม่ต่างจากเรือนไม้เล็ก ๆ เพียงชั้นเดียว ภายในห้องมีหนังสือเก่าๆ มากมายนัก หนังสือที่มีค่า มีประโยชน์ควรแก่การน่าศึกษา ฉันไม่ได้สนใจหนังสือ เดินไปที่เตียงข้าหน้าต่างเพื่อนอนพักผ่อน เมื่อหย่อนกายลงเตียงได้สัก 2 นาที ปรากฏว่าได้ยินเสียงของคนเดินตึก ๆ ๆ ๆ เพราะพื้นเป็นไม้ เมื่อโผล่หน้าออกไปดู เดินดูจนทั่วแล้วก็ยังไม่เจอใคร ไปดูในซอกของหนังสือ มุมนั่นต้นเหตุของเสียงก็ไม่มีใคร จึงได้เดินกลับไปนอนที่เตียง สักพักเสียงก็ดังขึ้นมาอีก เดินไปเดินมา รอกวนจนทำให้ฉันนอนไม่ได้ ฉันเริ่มโมโห รำคาญและกลัวลึกๆ อยากรู้อยากเป็นว่าใครมาแกล้งให้ฉันนอนไม่ได้ จึงเดินกลับไปที่ซอกของเสียงเดินไปมาอีกครั้ง ก็ไม่พบใครเลย มองไปที่ห้องเรียนก็เรียนหนังสือกันหมด ฉันจึงได้ข่มใจลงไปนอนเป็นครั้งที่ 3 และเริ่มกลัวที่มาของเสียงว่าคืออะไร รู้สึกขนลุกอยู่ลึกๆ เพราะคุณครูเคยเล่าให้ฟังว่า คุณตา เจ้าของโรงเรียนนี้เป็นคนที่รักในการอ่านหนังสือมาก ชอบอ่านหนังสือ สมัยก่อนท่านจะมานั่งที่ห้องเรือนไม้นี้เป็นประจำ ท่านสะสมหนังสือเก่าๆ ไว้มากมายนัก จนฉันดูแล้ว ความเป็นเด็กอายุแค่8 ขวบ ไม่ได้ต้องการแตะต้องหนังสือของผู้ใหญ่สักนิดเลย แต่เมื่อเดินมานอนที่ในห้องนี้ คงไม่ใช่ที่นอน เป็นที่อ่านหนังสือ เป็นที่ๆ มีเจ้าของโดยเราไม่บอกเล่าและขออนุญาตก่อนเลย คิดจะมานอนก็มาเฉยๆ ซะงั้น เรื่องก็คือคุณครูสั่งให้มานอนเพราะไม่สบาย ดังนั้นจึงเข้ามานอนในห้องสมุดนี้ที่เขาจัดเป็นห้องพยาบาลด้วย หลังจากครั้งที่ 3 ฉันก็ทนไม่ไหว เดินิกไปจากห้องสมุดและไม่เหลียวหลังกลับมาอีกเลย เพราะความกลัว ฉันไม่ได้อุปทาน แต่เสียงเดินตึกตัก เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความไม่พอใจของเจ้าของที่ อาจจะเห็นเป็นนักเรียน ในขณะที่เพื่อนเรียนกันอยู่ ทำไมเรามานอนอยู่ได้ที่นี่ อาจจะขี้เกียจหรืออู้หรือไม่นะ จึงทำเสียงดังรบกวน ไม่อนุญาตให้เราได้นอนพัก หรืออาจจะเป็นที่เราไม่ได้ขออนุญาตพักที่นี่ก่อนหน้านี้ ด้วยความที่เป็นเด็กไร้เดียงสา ดังนั้น ว่าแล้วก็เดินออกไปที่ห้องเรียน ไปนอนฟุบกับโต๊ะ และไม่มาห้องนี้อีกเลย คุณครูถามว่าทำไมไม่ไปนอนพัก เมื่อเธอไม่สบาย เราตอบว่าอยากพักห้องนี้ค่ะ หายแล้ว ดังนั้นจึงได้นอนที่ห้องเรียนไป



ฉันไม่รู้หรอกนะว่า นั่นคืออะไร ไม่สามารถหาคำตอบได้ เป็นสิ่งที่มองไม่เห็น ไม่สามารถสืบทราบได้แน่ชัด ต่อมาไม่นาน ห้องสมุดก็เกิดไฟไหม้ หนังสือไหม้หมดเลย เหลือไม่กี่เล่ม ที่พอจะเก็บได้ ฉันไม่รู้ว่าทำไมไปไหม้ เพราะอะไร เกิดได้อย่างไร แต่ที่รู้ก็คือไม่มีห้องสมุดให้นักเรียนไปอ่านได้อีกเลย

วันเสาร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2554

บทเรียนที่เราต้องคิดก่อนทำ

วันเวลาก็ได้ผ่านไปอีกครา แต่ว่าคงหมุนกลับมาำไม่ได้อีกแล้ว และแล้ว วันนี้ก็มีเรื่องมาเล่ากันอีก หลังจากไม่ได้แวะมานาน ก็คิดถึงบ้านของตัวเองเหมือนกัน อิอิ ที่นี่เป็นมุมแห่งหนึ่งที่เข้ามาเขียนแล้วมีความสุขดี ที่มีเรื่องเล่าสู่กันฟัง อยากเล่าให้ทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะ เรื่องนี้ก็เป็นบทเรียนบทหนึ่งที่ควรจะจดจำเช่นกัน คือเรื่องมีอยู่ว่า ดิฉันทำงานอยู่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ทำมาจะครบปีแล้ว และวันหนึ่งมีคนที่เพิ่งมาทำงาน จะอยู่โซนแผนกต้อนรับ ด้านหน้างาน ส่วนดิฉันอยู่ back office และเห็นเขาคล้ายเพื่อนเก่าของดิฉันที่ไปอยู่ฝรั่งเศส ตอนนั้นคิดถึงเพื่อนมาก ได้รู้สึกสงสารผู้หญิงคนหนึ่งที่เราไม่รู้จักหรือคุ้นเคยมาก่อน ด้วยความสงสารและเห็นอกเห็นใจ อยากจะช่วยให้เขาปลอดภัยเพราะว่าบ้านเขาไกล อยากยื่นมือเพื่อให้เขาสบายและเราเองก็เหงา อยู่คนเดียว ไม่น่ามีปัญหาอะไร แค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียวที่หน้าเหมือนเพื่อนเก่าเราเอง เพราะด้วยที่เขาเป็นคนอีสานเหมือนกัน จึงมีลักษณะคล้ายกัน ดิฉันก็ได้ออกตัวต้อนรับเต็มที่ เพราะความคึกคะนอง มุทะลุ และด้วยนิสัยใจร้อนและใจดี อยากให้เขามาอยู่ด้วย เดินตามติดเขาตลอด และไม่ให้ห่างกันเลย อยากรับประทานอะไรก็ไปด้วยกัน คิดอะไรก็บอกกัน คิดว่าแม้เขาจะเรียนน้อยกว่า ความคิดอาจจะไม่ทันกันและไม่ตรงกัน เพราะมองคนละด้า่นในบางเวลา หน้าที่การงานก็ต่างกัน แต่หากเป็นเพื่อนกันและมีความจริงใจ คงไม่เป็นไร ไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไรในวันข้างหน้า เพื่อนคนนี้มาอยู่ได้ 1 สัปดาห์ อย่างจริงจัง เราก็เริ่มรู้สึกอึดอัด และรู้สึกเริ่มคิดแล้วว่าเราคิดผิดหรือถูกกันนะ เพราะว่าเราไม่เคยอยู่กับใคร และอยากทำอะไรก็ทำ อยากจะไปไหนก็ไปไม่ต้องห่วงห้องและอยากจะนอนกี่โมงก็นอน ไม่ต้องมานั่งเกรงใจใคร เพราะเราจะทำอะไรก็ได้ สบายอกสบายใจ แค่เหงาบางเวลา ตามประสาคนโสดแค่นั้นเอง สุดท้ายก็ไปหาเพื่อนสนิท ไปแหย่กันเล่นบ้าง ให้ด่ากันพอชุ่มฉ่ำหัวใจ สนุกดี และแ้ล้ว วันและเวลาก็ผ่านไป3 เดือน ต่างคนเริ่มเห็นลายกัน ด้วยนิสัยที่ชอบความเป็นส่วนตัวของเรา ไม่ชอบให้ใครมาจุกจิก แต่เขาก็ไม่จุกจิกนะ เพราะเขาจะทำทำไม ทำแล้วได้อะไร ตอนที่อยู่กับเพื่อคนนี้ เงินก็ไม่พอใช้ เขาลำบาก เราก็ลำบากด้วย เพราะเห็นเขาไม่มี เราก็ให้ยืม ลำบากทุกอณูรูขุมขน ตอนเราทำอะไร เล่นอะไร พูดอะไร เขาก็ไม่เช้าใจ กลับเข้าใจตรงกันข้ามเราอีก เห้อ ทำให้เราอธิบายนานกว่าเดิมและเราก็ไม่สามารถจะบอกเขาได้หมด เพราะเขาเป็นคนไม่ยอมรับความจริง ไม่ยอมรับผิด ในบางอย่างที่เขาทำ และไม่สามารถไว้ใจได้เวลาที่เราไม่อยู่ห้อง เพราะเขาไม่รอบคอบ ไม่สามารถที่จะปรับทุกข์ได้เพราะเขาคิดว่าตัวเองทุกข์กว่าเรา แถมมีการมาเปรียบเทียบเงินเดือนกันอีก โอ้ตาย! เธอทำงานอะไร และฉันทำงานอะไรกัน ทำไมไม่คิดว่าเราคนละตำแหน่งกัน หน้าที่เธอใช้สมองน้อยกว่าก็เงินน้อยกว่าเป็นธรรมดา อีกอย่างเขาคิดไม่ได้ และเขาไม่เคยให้เกียรติเราเลย คิดว่าตัวเองดีตลอด ไม่เคยคำนึงถึงความดีที่เราเคยช่วยเหลือ ให้ความห่วงใย มอบสิ่งดีๆให้ 3-4 เดือนผ่านไป มันก็แตกสลายไป เมื่อคนเรารู้ลาย นิสัยแท้จริง เราก็คิดว่าการอยู่คนเดียวดีที่สุดและเราก็ตั้งใจจะย้ายหอ แต่ก็ดันติดที่คนดูแลหอพักเรื่องมาก จริงๆที่เราย้ายเพราะเราไม่ชอบคนจัดการหอ ป้าแกเรื่องมาก จุกจิก วุ่นวาย เราเลยไม่ชอบและเกลียดเลยแหละ ค่าหอก็แพง จึงออกและไปอยู่หอใกล้ๆที่ทำงาน แถวถนนจันทน์ ซอยเจริญราษฎ์ 7 แหม จากหอห้วยขวางใกล้ๆ รถไฟใต้ดิน สะดวกสบาย มาขึ้นรถเมล์ แล้วหอพักก็เป็นแบบตึก 5 ชั้น เราอยู่ชั้น 4 ค่ะ จะบอกว่าสูงมาก สถานที่ก็อยู่แถบสลัมเพราะเป็นสลัมเก่าที่เขาไล่ที่ไป สภาพก็น่ากลัวตอนเดินทางเข้าไป นี่นึกไม่ออ ถ้า่ดึกสัก 5 ทุ่ม เราจะทำอย่างไร เหนื่อยตอนย้ายของออกนี่แหละ สุดยอดของการปวดขาและปวดตัว ตอนย้ายของกลับบ้านด้วยแหละ เหนื่อยมากๆ จ้งรถไป 2 ครั้งเป็นเงิน เกือบ 2000 บาท และก็ไม่ได้ใกล้ที่ทำงานซะทีเดียว ต้องนั่งรถไป 1 ชม. แต่ก็ใกล้กว่าที่บ้านที่นครชัยศรี เพราะรถจะติดมาก วันธรรมดา และต้องขยันออกจากบ้านแต่เช้าตรู่ จึงตัดสินใจ save ค่าหอพักเพื่อไปอยู่บ้าน ให้เงินแม่บ้างและเก็บเงิน เหตุผลที่ไม่ค่อยมีตังให้ เพราะค่าใช้จ่ายทั้งนั้น เงินเดือนก็น้อย ไม่เคยมีเงินเก็บเลย แลกเอากับความขยันที่จะต้องเสียเงินไป แค่ตื่นเช้าเอง จะนอนทำไมมากมาย หน้าที่ต้องทำมากมาย และเก็บเงินไว้เผื่อจะซื้อความสุขให้ตัวเองโดยการไปเที่ยวที่ไหนไกลๆซัก 1 ที่ หรืออาจจะต่างประเทศ ตอนนี้อยากเก็บเงิน ถ้าที่บ้่านไม่มีปัญหาทำให้เราต้องออกไปไกลๆอีก อิอิอิ นี่แหละคือบทเรียนของความสงสารล่ะ คิดอะไรเล็กนิดเดียว บางครั้ง อาจจะเสียเวลา อาจจะเสียใจ เสียความรู้สึก ที่ได้ไว้ใจใครคนหนึ่งแต่วันหนึ่งก็พิสูจน์ได้ว่าเขาไม่ได้จริงใจกับเราเลย จนเรารู้โดย sense ว่าเราไม่สามารถไว้ใจเขาได้อีกต่อไปและเลิกคบไป มาคิดได้ก็ไม่ได้สายเกินไปกับเวลาที่เสียไปที่ถอนตัวออกก่อน เราทราบได้่ว่า เขาไม่ได้จริงใจกับเรา ยามเราลำบากเช่น เครียดหรือเสียใจ ยามป่วยไข้ก็ไม่ได้มาดูแล บางทีก็รู้สึกว่าคนเราต่างที่มา จิตสำนึกต่างกัน สรุป เขาก็ไม่ได้ยื่นมือมาช่วย แม้แต่กำลังใจ เวลาที่คบกันมาสั้นนิดเดียว แต่ที่ได้ช่วยเหลือเขาให้มีที่อยู่ ใกล้ๆที่ทำงาน ยามลำบากไปไหนมาไหนก็ช่วย ยามดินทางกลับบ้านที่ต่างจังหวัด ก็ห่วงและไปเป็นเพื่อน ยามเพื่อนไม่มีก็ให้ยืมเงินไป ไม่เคยมองเห็นความจริงใจที่เรามอบให้เขา เราไม่กล้าให้เพราะกลัวเขาไม่คินอีกละ และไม่ทวงก็ไม่คิดจะคืน ไม่นับด้วย พอบอก็โกรธแต่จะว่าไปก็โกรธเถอะ ก็เงินเรา ยืมก็คือยืม สุดท้ายสิ่งที่ได้ก็คือผลตอบแทนของมนุษย์ปุถุชนทั่วไปที่มาจากคนละทิศละที่ กัน ไม่รู้จักกันมาก่อน คนเราร้อยพ่อพันแม่ เราคบกันไม่ถึงเดือน ไม่สามารถอ่านใจได้หมดเพราะมันอยู่ข้างใน เราต้องใช้เวลาเขาถึงได้ว่ากันว่า "ระยะทางพิสุจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คนไง" อย่างน้อยเราก็มีเพื่อนที่คบได้และไว้ใจได้สักคน ไม่เอ่ยชื่อละนะ แต่มี เพื่อนอีกหลายคนเหมือนกันที่เขาไม่อยากช่วยเหลือยามเราลำบากเพราะมัน มักจะปัดไปและไม่อยากช่วยเหลือ ก็ไม่คบอีกต่อไปและรู้สึกไม่ดี ไม่มีความจำเป็นและไม่ต้องติดต่อ คนแล้งน้ำใจและขี้คุยอันนี้แย่กว่า ต้องดูให้ดีนะ นี่แหละมนุษย์ จะทำอะไร อย่าคิดนิดเดียวเหมือนดิฉัน จะคบใคร หรือไว้ใจต้องใช้เวลา อย่ากลัวที่จะอยู่คนเดียวเพราะหากคุณเจอคนไม่ดี สู้อยู่ตัวคนเดียวดีกว่า บทเรียนของฉันที่ได้มาก็คือเพื่อนที่เราแต่เรียกขานว่าเพื่อน แต่ไม่้ได้ช่วยให้เราดีขึ้น เพื่อนที่ดีก็มีค่ะ แต่อันนี้ case นี้ขอเล่าก่อนเพราะมันอันตรายสำหรับคนบางคนและเสียเวลาที่จะไว้ใจคนที่เรา ไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย อย่าสงสารคนอื่น เพราะวันหนึ่งคุณจะสงสารตัวเองเหมือนดิฉัน